982.เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่แพงจันทร์ อินทสโร วัดบ้านโนน วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ปี19 เหรียญประสบการณ์ในพื้นที่ ลูกศิษย์ในพื้นที่เก็บหายจากส่วนกลางหมด
หลายปีแล้วไม่ได้เจอ 400-"หลวงปู่แพงจันทร์ อินทสโร" หรือพระครูวิจักษ์โคจรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านโนน ต.ขามป้อม และอดีตรองเจ้าคณะอำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคาม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายวิปัสสนากัมมัฏฐานแห่งเมืองมหาสารคาม สืบสายธรรมจากหลวงปู่ซุน วัดบ้านเสือโก้ก อ.วาปีปทุม บูรพาจารย์รุ่นเก่า
เหรียญ หลวงปู่แพงจันทร์หลวงปู่แพงจันทร์ เกิดเมื่อปี พ.ศ.2459 ณ บ้านโนน ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสาร คาม บวชเรียนที่วัดบ้านหนองไฮ อ.วาปีปทุม ครั้นได้รับทราบกิตติศัพท์หลวงปู่ซุน วัดบ้านเสือโก้ก จึงเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาวิทยาคมจากหลวงปู่ซุน รวมทั้งการอ่าน เขียนอักขระลาว ขอม และไทยน้อย
ต่อมาหลวงปู่แพงจันทร์ ได้กลับมาจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดบ้านโนน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด และเป็นรองเจ้าคณะอำเภอวาปีปทุม หลวงปู่แพงจันทร์ มรณภาพอย่างสงบในปี พ.ศ.2529 สิริอายุ 70 พรรษา 50
สำหรับวัตถุมงคลของหลวงปู่แพงจันทร์ ที่ถือเป็นสุดยอดปรารถนาของบรรดาศิษยานุศิษย์และนักนิยมสะสมพระเครื่องแล้ว เห็นจะเป็น "เหรียญคล้ายรูปไข่รูปเหมือนหลวงปู่แพงจันทร์ รุ่นแรกสร้างปี 2519"
เหรียญดังกล่าวจัดสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่หลวงปู่แพงจันทร์ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก วัดบ้านโนน ได้แจกศิษยานุศิษย์ รวมทั้งให้กับพุทธศาสนิกชนที่นำกฐินและผ้าป่ามา ทอดถวายสมทบทุนสร้างสาธารณูปโภคสาธารณูปการในวัด เป็นเหรียญทองแดงรมดำ จำนวนการสร้างประมาณ 3,000 เหรียญ
ด้านหน้าเหรียญ ยกขอบจากด้านซ้ายของเหรียญวนขึ้นไปด้านบนโค้งลงไปทางขอบเหรียญ ด้านขวามือ เขียนคำว่า "พระครูวิจักษ์โคจรคุณ วัดบ้านโนน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม" ตรงกลางเหรียญเป็นรูปเหมือนหลวงปู่แพงจันทร์ครึ่งองค์
ส่วนด้านหลังเหรียญ ตรงกลางเหรียญ เป็นภาพพระพุทธรูปยืนอยู่บนบัลลังก์ บริเวณขอบเหรียญจะมีอักขระยันต์เริ่มจากด้านล่างซ้ายวนขึ้นไปด้านบน วกลงมาบรรจบกันที่ด้านล่างของเหรียญ อ่านว่า "พุทธะสังมิ นะชาริติ นะมะอะอุ อุททังอะโท นะโมพุทธายะ" เป็นยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ปราบมาร ปราบสิ่งชั่วร้าย และดีทุกด้าน ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ฯลฯ
สำหรับเหรียญรุ่นนี้หลวงปู่แพงจันทร์ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเดี่ยว ภายในอุโบสถตลอดพรรษา ผู้ที่ห้อยเหรียญหลวงปู่แพงจันทร์รุ่นนี้ต่างมีประสบ การณ์อัศจรรย์มากมาย เช่น ประสบอุบัติเหตุรถพังเสียหายยับเยิน แต่ผู้ห้อยเหรียญรุ่นนี้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผ่อนหนักเป็นเบา
จัดเป็นเหรียญยอดนิยมในพื้นที่อีกเหรียญหนึ่งของอำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคาม ผู้ที่ต้องการนำมาไว้สักการบูชาควรรีบหามาครอบครอง เพราะเป็นเหรียญที่ราคาเช่าบูชายังไม่สูงเท่าใดนัก ราคาเหรียญสวยจะอยู่หลักพันต้น สวยน้อยราคาอยู่หลักร้อยปลาย
ในยุคนั้นชื่อเสียงของหลวงปู่ซุน วัดบ้านเสือโก้ก ต.เสือโก้ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม พระอุปัชฌาย์มีชื่อเสียงโด่งดัง ในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคม
หลวงปู่แพงจันทร์มีจิตใจชมชอบด้านวิทยาคมอยู่แล้ว จึงเดินทางขอฝากตัวเป็นศิษย์จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ซุน ณ วัดบ้านเสือโก้ก อยู่หลายพรรษา
ได้รับความเมตตาถ่ายทอดวิทยาคม รวมทั้งยังสอนด้านการอ่านเขียนอักษรลาว ขอม และไทยน้อย
หลังจากย้ายกลับมาจำพรรษาอยู่วัดบ้านโนนแล้ว ออกท่องธุดงควัตรไปตามป่าเขาลำเนาไพรหลายแห่งในภาคอีสาน
ด้วยความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ทำให้ชื่อเสียงหลวงปู่แพงจันทร์โด่งดังขจรขจายในหมู่ญาติโยมอย่างรวดเร็ว ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระปฏิปทาแตกฉาน ทั้งธรรมวินัยและวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ในแต่ละวันมีญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมา กราบนมัสการอย่างล้นหลาม เพื่อรับฟังธรรมคำสอนและวัตถุมงคลเสริมความเป็นสิริมงคล โดยเฉพาะตะกรุดโทนที่จารด้วยมือ มีพุทธคุณรอบด้าน มีประสบการณ์มากมาย
สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาคนำไปพัฒนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดแห่งนี้อย่างรวดเร็ว อาทิ อุโบสถ กุฏิ ศาลาการเปรียญ
ขณะเดียวกัน ยังมีความรอบรู้ด้านการเขียนศิลปะลายไทย ดังนั้นเสนาสนะต่างๆ ในวัด หลวงปู่จะออกแบบลวดลายตกแต่งเอง
ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศึกษาวัดบ้านโนน รวมทั้งยังมีตำแหน่งงานด้านการปกครองคณะสงฆ์
พ.ศ.2500 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านโนน และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูวิจักษ์โคจรคุณ
พ.ศ.2505 เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นเจ้าคณะตำบลขามป้อม พ.ศ.2511 ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอวาปีปทุม
พ.ศ.2519 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
ยังได้ชื่อว่าเป็นพระนักพัฒนาชุมชน โดยย้อนหลัง 50 ปีที่ผ่านมาถนนจากหมู่บ้านที่ออกไปเชื่อมถนนสายหลักเข้าตัววาปีปทุม มีสภาพเป็นทางเกวียน หลวงปู่ได้ขอบิณฑบาตที่ดินข้างเคียงพร้อมระดมแรงงานชาวบ้านขยายถนน ทำให้การสัญจรไปมาสะดวก
ช่วงบั้นปลายชีวิต สังขารเริ่มโรยรา มีอาการอาพาธจากโรคมะเร็งในเม็ดเลือด เมื่ออาการหนักขึ้นญาติโยมได้นำส่งโรงพยาบาล สุดท้ายท่านมรณภาพอย่างสงบ เมื่อช่วงปลายปี พ.ศ.2529
สิริอายุ 70 ปี พรรษา 50