[Thesun]พระกรรมฐานพ่อแม่ครูอาจารย์และพระเกจิอาจารย์ทั่วไป(อ่าน 648371 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

978.พระปิดตากำแพงแสนพิมพ์ใหญ่ เนื้อช็อค หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ. สุรินทร์ ปี22 สวย ประกวดติดรางวัลแน่นอนครับ พระปิดตายอดนิยมของหลวงปู่ดุลย์  4000-

พระปิดตา หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์  ปี 2522 เนื้อช็อคโกแล็ต จัดสร้าง 1000 องค์
โดยคณะศิษย์ อ.กำแพงแสน องค์นี้สวยครับ พิเศษครับมีผงตะใบทอง อยู่ในเนื้อพระครับ







976.เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย ปี35 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง สวยๆ หายาก นิยมครับเหรียญรุ่นแรกของท่าน
เปิดบูชาเบาๆ แบ่งปัน
400-

ศิษย์สายตรงไม่ควรพลาดนะครับ สำหรับเหรียญเสมารุ่นแรก หลวงพ่อวิชัย เขมิโย (พระครูเกษมวรกิจ) วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย
สร้างเมื่อปี 2535 ลูกศิษย์สร้างถวายให้หลวงพ่อวิชัย อธิฐานจิต ในงานมุทิตาจิต 4 รอบ อายุ 48 ปี
จำนวนการจัดสร้างไม่แน่ชัด เท่าที่ทราบเป็นพระที่ไม่มีการเปิดให้เช่าในวัด หลวงพ่อวิชัยท่านแจกอย่างเดียว

จึงเป็นเหรียญหายากอีกเหรียญหนึ่ง โดยอีกด้านมีหลวงพ่อสายรุ้ง อันเป็นพระพุทธรูปศักสิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ในถ้ำผาจม
ซึ่งถ้ำผาจมและหลวงพ่อสายรุ้ง มีมาก่อนที่หลวงพ่อวิชัย ท่านจะธุดงค์มาที่ถ้ำแห่งนี้และพัฒนาเป็นวัดถ้ำผาจมในเวลาต่อมา

เหตุที่มีพญานาคในเหรียญ เนื่องจากว่าในถ้ำผาจมนั้นมีอุโมงค์ลอดไปใต้ดิน ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นทางเชื่อมไปเมืองพญานาค
และมียันต์นะเมตตาของหลวงพ่ออยู่ใต้รูปของท่าน ส่งเสริมการทำมาค้าขาย "ลาภผลพูนทวี อยู่เย็นเป็นสุข"







ขอจองครับ



976.เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย ปี35 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง สวยๆ หายาก นิยมครับเหรียญรุ่นแรกของท่าน
เปิดบูชาเบาๆ แบ่งปัน
400-

ศิษย์สายตรงไม่ควรพลาดนะครับ สำหรับเหรียญเสมารุ่นแรก หลวงพ่อวิชัย เขมิโย (พระครูเกษมวรกิจ) วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย
สร้างเมื่อปี 2535 ลูกศิษย์สร้างถวายให้หลวงพ่อวิชัย อธิฐานจิต ในงานมุทิตาจิต 4 รอบ อายุ 48 ปี
จำนวนการจัดสร้างไม่แน่ชัด เท่าที่ทราบเป็นพระที่ไม่มีการเปิดให้เช่าในวัด หลวงพ่อวิชัยท่านแจกอย่างเดียว

จึงเป็นเหรียญหายากอีกเหรียญหนึ่ง โดยอีกด้านมีหลวงพ่อสายรุ้ง อันเป็นพระพุทธรูปศักสิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ในถ้ำผาจม
ซึ่งถ้ำผาจมและหลวงพ่อสายรุ้ง มีมาก่อนที่หลวงพ่อวิชัย ท่านจะธุดงค์มาที่ถ้ำแห่งนี้และพัฒนาเป็นวัดถ้ำผาจมในเวลาต่อมา

เหตุที่มีพญานาคในเหรียญ เนื่องจากว่าในถ้ำผาจมนั้นมีอุโมงค์ลอดไปใต้ดิน ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นทางเชื่อมไปเมืองพญานาค
และมียันต์นะเมตตาของหลวงพ่ออยู่ใต้รูปของท่าน ส่งเสริมการทำมาค้าขาย "ลาภผลพูนทวี อยู่เย็นเป็นสุข"







ขอจองครับ

ขอบพระคุณครับ



979.ตะกรุดหนำเลี๊ยบถักเชือกยุคต้น หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม ปี2500 ต้นๆ  ตะกรุดยุคแรก หลวงปู่จะถักด้วยฝ้าย ด้ายดิบ
สภาพสมบูรณ์ ยุคแรก หายากครับ สุดยอดเครื่องรางของหลวงปู่  นานๆจะออกมาให้เห็นที
  2,500- ปิดท่านj999 ครับ


ตะกรุดหนำเลี๊ยบ หลวงปู่คำพันธ์ลงอักขระถักเชือก สร้างประมาณปี 2500 เป็นต้นมา จนถึงราวๆปี 2540 ได้ครั้งละไม่มาก หลังปี 2540
 หลวงปู่ใด้ให้ลูกศิษย์ลงอักขระถักเชือก หลวงปู่อธิฐานจิตเองพุทธคุณไม่ต่างกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นยุคต้นยุคหลังต่างก็หาชมยามมากแล้วในตอนนี้ ....








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 02, 2019, 09:57:25 PM โดย thesun »



980.พระสมเด็จคะแนน ออก วัดเทพากร หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ปลุกเสก ปี2519 400-


วัตถุมงคลที่ออกวัดเทพากร ปลุกเสกหลายวาระ
โดยมีรายนามพระคณาจารย์ที่เข้าร่วมพุทธาภิเษก อาทิเช่น
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี -
หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม -
หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ -
ท่านเจ้าคุณโพธิวรคุณ วัดโพธินิมิต -
พระอาจารย์สุพจน์ วัดสุทัศน์ -
หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ -
หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง -
หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์ -
ครูบาวัง วัดบ้านเด่น -
หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม -
หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง -
หลวงพ่อทรัพย์ วัดตลุก
หลวงพ่อลมูล วัดเสด็จ -
หลวงพ่อป่วน วัดโพธิ์งาม เป็นต้น







981.เหรียญนิรันตรายรุ่น 1 ของหลวงพ่อโชติ ระลึกชาติ วัดวชิราลงกรณ์ โคราช ปี2506 กะไหล่ทอง พิมพ์นี้หายากครับ  600-

เหรียญนิรันตรายรุ่น 1 ของหลวงพ่อโชติ ระลึกชาติ วัดวชิราลงกรณ์ โคราช ปี 2506 ในวโรกาสวางศิลาฤกษ์ เหรียญขนาดเล็กเท่าปรกใบมะขามเลี่ยมไม่เปลืองทอง
 สภาพสวยงามเก่าเก็บน่าสะสม ของดี ราคาถูก
เหรียญนิรันตรายรุ่น 1 ของหลวงพ่อโชติ ระลึกชาติ วัดวชิราลงกรณ์ อ.ปากช่อง จ.โคราช (เหรียญนี้สร้างก่อนเหรียญรูปเหมือนท่าน รุ่น1 (รุ่นกตัญญู)
ซึ่งถือเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกของท่านอย่างแท้จริงครับ)

สร้างปี 2506 ในวโรกาสวางศิลาฤกษ์ เหรียญขนาดเล็กเท่าปรกใบมะขามเลี่ยมไม่เปลืองทอง สภาพสวยงามเก่าเก็บน่าสะสม เคาะเดียวขั้นต่ำครับ ของดีที่หายากมาก

-------------------------------------------------------------------------------------------------
ประวัติหลวงพ่อโชติ คุณสัมปันโน (พระเทพสุทธาจารย์) วัดวชิราลงกรณ์ ท่านเป็นพระสายกรรมฐาน ลูกศิษย์ของหลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ และหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ท่านระลึกชาติได้ครับ เรื่องของหลวงพ่อโชตินี้เป็นเรื่องฮือฮามากในยุคนั้น แม้แต่พระชั้นผู้ใหญ่ระดับสมเด็จพระสังฆราชยังทรงมีพระบัญชาให้เข้าไปเล่าถวายเลย และบันทึกเรื่องไว้ ....ท่านเกิด(พ.ศ.2451) มาจากท้องแม่วันแรกก็ระลึกได้ชัดเจนเลยว่าตนเองเป็นอดีตพี่ชายของแม่ของตนเองในชาติปัจจุบันก่อนหน้านั้นตนเองถูกฆ่าตายจิตเป็นห่วงน้องสาวจึงมาหาน้องสาวที่บ้านซึ่งขณะนั้นน้องสาวยังเริ่มตั้งครรภ์อ่อนๆ รู่สึกคล้ายถูกดูดเข้าในท้องน้องสาวทันทีเดี๋ยวนั้น ตอนที่เป็นทารกน้อยๆรู้สึกอึดอัดมากอยากจะพูดบอกความจริงแต่พูดไม่ได้เพราะยังแบเบาะอยู่มาก พอเริ่มได้ขวบกว่าหรือสองขวบเริ่มพูดได้ก็บอกแม่เลยว่าเป็นใคร ปรากฎว่าถูกตีแทบแย่ เพราะคติคนโบราณจะกลัวคนระลึกชาติได้ ถ้ารู้ว่าเด็กคนไหนระลึกชาติได้ จะบังคับทุบตีห้ามพูดอีก จนนานๆเข้าเด็กก็ค่อยๆลืมไป รู้สึกคล้ายเป็นความฝันไป แต่หลวงพ่อโชติไม่ลืมจนกระทั่งเติบโต และพูดเหตุการณ์ชาติที่แล้วและพิสูจน์หลักฐานทุกอย่างได้สมบูรณ์ทุกประการ เรื่องนี้มักจะเป็นเรื่องเล่าในหมู่ผู้ปฏิบัติเสมอ (มรณภาพ พ.ศ.2517)

***พระเครื่องเหรียญรุ่นแรกของท่าน สร้างปี 2506*** คนโคราชมักเรียกว่าเหรียญระลึกท่านเจ้าคุณโชติ เป็นเหรียญหลักที่หายากเหรียญหนึ่งในโคราชครับ

วัดวชิราลงกรณ์ นี้ไม่ธรรมดาครับ เป็นวัดพระอารามหลวง สร้างเมื่อปี 2506 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช(มีพระชนมมายุ 9 พรรษา) ได้เสด็จมาประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และปี 2510 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ เสด็จถวายทอดกฐิน เป็นการส่วนพระองค์ วัดนี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ชื่อ"พระพุทธมหาวชิราลงกรณ์" ซึ่งออกแบบและดำเนินการก่อสร้างโดยอาจารย์ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ผู้ออกแบบแม่พิมพ์ พระพุทธนวราชบพิตร และพระสมเด็จจิตรลดา เจ้าคุณโชติ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ซึ่งก่อนหน้านั้นหลวงพ่อท่านเคยเป็นเจ้าคณะจ.สุรินทร์ เจ้าคณะจ.นครราชสีมา และเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดสุทธจินดา ฝ่ายธรรมยุต วัดใหญ่ในเมืองโคราชอยู่แล้ว แต่ทางวังหลวงท่านนิมนต์ให้ไปครองวัดที่สร้างขึ้นนี้โดยเฉพาะ


ระนิรันตราย พิมพ์เล็ก สร้างปี 2506

หลวง พ่อโชติ คุณสัมปันโน (พระเทพสุทธาจารย์) วัดวชิราลงกรณ์ ลูกศิษย์ของหลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์และหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล


หลวง พ่อโชติ คุณสัมปัณโณ วัดวชิราลงกรณวรวิหาร ปากช่อง นครราชสีมา ท่านเป็นศิษย์สายพระกรรมฐาน ท่านสร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างก็มีไม่มากนัก
1.เหรียญระลึกชาติ จำนวนการสร้าง 9,999 เหรียญ เป็นเหรียญเนื้อเงินสร้างไม่ถึง50เหรียญ พอปั๊มครบจำนวน บล็อกด้านหน้าก็แตกชำรุดใช้การไม่ได้ เหรียญรุ่นนี้ท่านอธิฐานจิตให้ 3 เดือน (ไตรมาส) ปี 2516 ภายในถ้ำราชสุทธาจารย์ จนถึงตี 3 ทุกคืนไม่ขาดสักวันเดียว ท่านตั้งใจนำเหรียญรุ่นนี้ขึ้นทูลเกล้าถวายในหลวงและพระราชินี เหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์อภินิหารมาก ทั้งทางด้านโชคลาภ แคล้วคลาด
2.เหรียญกตัญญู เนื้ออัลปาก้า ปี 2517
3.พระนิรันตราย พิมพ์ใหญ่ ปี 2506 แจกผู้ชาย
4.พระนิรันตราย พิมพ์เล็ก ปี2506 แจกผู้หญิง


ส่วน พระสมเด็จของท่านที่ขึ้นชื่อมากก็คือ พระสมเด็จเสด็จมาเอง ซึ่งประวัติว่ามีผู้นำมาถวายให้ท่านที่โบส์ถ ประมาณ2กล่อง ถวายแล้วก็ลงจากโบส์ถเดินหายไปในป่า ท่านว่า ช่วงที่นั่งวิปัสนาในถ้ำราชสุทธาจารนั้น ท่านได้นิมิตว่า องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)มาบอกให้ท่านสร้างพระสมเด็จ ท่านก็บอกไปว่า สร้างไม่เป็น สมเด็จโตจึงบอกว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวจะเอามาให้ จึงเป็นที่มาของ พระสมเด็จเสด็จมาเอง


ท่าน เป็นลูกศิษย์รักของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ อดีตชาติของหลวงพ่อโชติเป็นพี่ชายมารดาของท่านในชาติปัจจุบัน เมื่อถึงแก่กรรมแล้วด้วยความรักเป็นห่วงน้องสาว จึงเกิดมาเป็นลูกน้องสาวของท่านในชาติปัจจุบัน ท่านสามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีตชาติของท่านได้จนหมดสิ้น จนมีผู้เรียกขานว่า “ หลวงพ่อโชติ ระลึกชาติ” ท่านมรณะภาพเมื่อ ๒๔ มีนาคม ๒๕๑๗


สมณศักดิ์ครั้งสุดท้ายของหลวงปู่โชติ ก็คือ พระเทพสุทธาจารย์ เรื่องราวเกี่ยวกับคุณธรรมของท่านมีมากมาย

ท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้เมตตานำพาสังขารวัย ๘๘ ของท่านเดินทางไปเผาศิษย์รักของท่านเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๑๘ ที่วัดวชิราลงกรณ์

อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ในครั้งนั้นด้วย












982.เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่แพงจันทร์ อินทสโร วัดบ้านโนน วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ปี19 เหรียญประสบการณ์ในพื้นที่ ลูกศิษย์ในพื้นที่เก็บหายจากส่วนกลางหมด
หลายปีแล้วไม่ได้เจอ
  400-


"หลวงปู่แพงจันทร์ อินทสโร" หรือพระครูวิจักษ์โคจรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านโนน ต.ขามป้อม และอดีตรองเจ้าคณะอำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคาม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายวิปัสสนากัมมัฏฐานแห่งเมืองมหาสารคาม สืบสายธรรมจากหลวงปู่ซุน วัดบ้านเสือโก้ก อ.วาปีปทุม บูรพาจารย์รุ่นเก่า


เหรียญ หลวงปู่แพงจันทร์หลวงปู่แพงจันทร์ เกิดเมื่อปี พ.ศ.2459 ณ บ้านโนน ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสาร คาม บวชเรียนที่วัดบ้านหนองไฮ อ.วาปีปทุม ครั้นได้รับทราบกิตติศัพท์หลวงปู่ซุน วัดบ้านเสือโก้ก จึงเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาวิทยาคมจากหลวงปู่ซุน รวมทั้งการอ่าน เขียนอักขระลาว ขอม และไทยน้อย

ต่อมาหลวงปู่แพงจันทร์ ได้กลับมาจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดบ้านโนน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด และเป็นรองเจ้าคณะอำเภอวาปีปทุม หลวงปู่แพงจันทร์ มรณภาพอย่างสงบในปี พ.ศ.2529 สิริอายุ 70 พรรษา 50

สำหรับวัตถุมงคลของหลวงปู่แพงจันทร์ ที่ถือเป็นสุดยอดปรารถนาของบรรดาศิษยานุศิษย์และนักนิยมสะสมพระเครื่องแล้ว เห็นจะเป็น "เหรียญคล้ายรูปไข่รูปเหมือนหลวงปู่แพงจันทร์ รุ่นแรกสร้างปี 2519"

เหรียญดังกล่าวจัดสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่หลวงปู่แพงจันทร์ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก วัดบ้านโนน ได้แจกศิษยานุศิษย์ รวมทั้งให้กับพุทธศาสนิกชนที่นำกฐินและผ้าป่ามา ทอดถวายสมทบทุนสร้างสาธารณูปโภคสาธารณูปการในวัด เป็นเหรียญทองแดงรมดำ จำนวนการสร้างประมาณ 3,000 เหรียญ

ด้านหน้าเหรียญ ยกขอบจากด้านซ้ายของเหรียญวนขึ้นไปด้านบนโค้งลงไปทางขอบเหรียญ ด้านขวามือ เขียนคำว่า "พระครูวิจักษ์โคจรคุณ วัดบ้านโนน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม" ตรงกลางเหรียญเป็นรูปเหมือนหลวงปู่แพงจันทร์ครึ่งองค์

ส่วนด้านหลังเหรียญ ตรงกลางเหรียญ เป็นภาพพระพุทธรูปยืนอยู่บนบัลลังก์ บริเวณขอบเหรียญจะมีอักขระยันต์เริ่มจากด้านล่างซ้ายวนขึ้นไปด้านบน วกลงมาบรรจบกันที่ด้านล่างของเหรียญ อ่านว่า "พุทธะสังมิ นะชาริติ นะมะอะอุ อุททังอะโท นะโมพุทธายะ" เป็นยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ปราบมาร ปราบสิ่งชั่วร้าย และดีทุกด้าน ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ฯลฯ

สำหรับเหรียญรุ่นนี้หลวงปู่แพงจันทร์ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเดี่ยว ภายในอุโบสถตลอดพรรษา ผู้ที่ห้อยเหรียญหลวงปู่แพงจันทร์รุ่นนี้ต่างมีประสบ การณ์อัศจรรย์มากมาย เช่น ประสบอุบัติเหตุรถพังเสียหายยับเยิน แต่ผู้ห้อยเหรียญรุ่นนี้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผ่อนหนักเป็นเบา

จัดเป็นเหรียญยอดนิยมในพื้นที่อีกเหรียญหนึ่งของอำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคาม ผู้ที่ต้องการนำมาไว้สักการบูชาควรรีบหามาครอบครอง เพราะเป็นเหรียญที่ราคาเช่าบูชายังไม่สูงเท่าใดนัก ราคาเหรียญสวยจะอยู่หลักพันต้น สวยน้อยราคาอยู่หลักร้อยปลาย






ในยุคนั้นชื่อเสียงของหลวงปู่ซุน วัดบ้านเสือโก้ก ต.เสือโก้ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม พระอุปัชฌาย์มีชื่อเสียงโด่งดัง ในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคม

หลวงปู่แพงจันทร์มีจิตใจชมชอบด้านวิทยาคมอยู่แล้ว จึงเดินทางขอฝากตัวเป็นศิษย์จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ซุน ณ วัดบ้านเสือโก้ก อยู่หลายพรรษา

ได้รับความเมตตาถ่ายทอดวิทยาคม รวมทั้งยังสอนด้านการอ่านเขียนอักษรลาว ขอม และไทยน้อย

หลังจากย้ายกลับมาจำพรรษาอยู่วัดบ้านโนนแล้ว ออกท่องธุดงควัตรไปตามป่าเขาลำเนาไพรหลายแห่งในภาคอีสาน

ด้วยความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ทำให้ชื่อเสียงหลวงปู่แพงจันทร์โด่งดังขจรขจายในหมู่ญาติโยมอย่างรวดเร็ว ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระปฏิปทาแตกฉาน ทั้งธรรมวินัยและวิปัสสนากัมมัฏฐาน

ในแต่ละวันมีญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมา กราบนมัสการอย่างล้นหลาม เพื่อรับฟังธรรมคำสอนและวัตถุมงคลเสริมความเป็นสิริมงคล โดยเฉพาะตะกรุดโทนที่จารด้วยมือ มีพุทธคุณรอบด้าน มีประสบการณ์มากมาย

สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาคนำไปพัฒนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดแห่งนี้อย่างรวดเร็ว อาทิ อุโบสถ กุฏิ ศาลาการเปรียญ

ขณะเดียวกัน ยังมีความรอบรู้ด้านการเขียนศิลปะลายไทย ดังนั้นเสนาสนะต่างๆ ในวัด หลวงปู่จะออกแบบลวดลายตกแต่งเอง

ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศึกษาวัดบ้านโนน รวมทั้งยังมีตำแหน่งงานด้านการปกครองคณะสงฆ์

พ.ศ.2500 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านโนน และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูวิจักษ์โคจรคุณ

พ.ศ.2505 เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นเจ้าคณะตำบลขามป้อม พ.ศ.2511 ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอวาปีปทุม

พ.ศ.2519 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

ยังได้ชื่อว่าเป็นพระนักพัฒนาชุมชน โดยย้อนหลัง 50 ปีที่ผ่านมาถนนจากหมู่บ้านที่ออกไปเชื่อมถนนสายหลักเข้าตัววาปีปทุม มีสภาพเป็นทางเกวียน หลวงปู่ได้ขอบิณฑบาตที่ดินข้างเคียงพร้อมระดมแรงงานชาวบ้านขยายถนน ทำให้การสัญจรไปมาสะดวก

ช่วงบั้นปลายชีวิต สังขารเริ่มโรยรา มีอาการอาพาธจากโรคมะเร็งในเม็ดเลือด เมื่ออาการหนักขึ้นญาติโยมได้นำส่งโรงพยาบาล สุดท้ายท่านมรณภาพอย่างสงบ เมื่อช่วงปลายปี พ.ศ.2529

สิริอายุ 70 ปี พรรษา 50










979.ตะกรุดหนำเลี๊ยบถักเชือกยุคต้น หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม ปี2500 ต้นๆ  ตะกรุดยุคแรก หลวงปู่จะถักด้วยฝ้าย ด้ายดิบ
สภาพสมบูรณ์ ยุคแรก หายากครับ สุดยอดเครื่องรางของหลวงปู่  นานๆจะออกมาให้เห็นที
  2,500-


ตะกรุดหนำเลี๊ยบ หลวงปู่คำพันธ์ลงอักขระถักเชือก สร้างประมาณปี 2500 เป็นต้นมา จนถึงราวๆปี 2540 ได้ครั้งละไม่มาก หลังปี 2540
 หลวงปู่ใด้ให้ลูกศิษย์ลงอักขระถักเชือก หลวงปู่อธิฐานจิตเองพุทธคุณไม่ต่างกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นยุคต้นยุคหลังต่างก็หาชมยามมากแล้วในตอนนี้ ....









ขอจองครับ



983.เหรียญหลวงพ่อแดง หลวงพ่อเจริญ วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพรชบุรี ปี12  หรือเรียกว่า รุ่นโบสถ์ลั่น  สวยๆ ดำๆ นิยมครับ 1800-
ใช้แทนเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อแดงที่ราคาหลายแสนได้เลยครับ
ปิดครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 05, 2019, 12:23:03 PM โดย thesun »



984.เหรียญหน้ามั่น หลังเสาร์ วัดป่าสุทธาวาส ปี2493 บล๊อค ยันต์ชิด หน้าแก่หลังสายฝน บล๊อคมาตรฐานสากล
 ห่วงเชื่อมเดิมๆ จัดว่าสวยครับ หายากแล้วนะครับ สภาพแบบนี้ เลี่ยมทองขึ้นคอได้เลยครับ แบ่งเบาๆ
4700-
 

พระดี พิธีใหญ่ ในวงการเรียกว่า เหรียญหน้าไฟ สร้างแจกในงานถวายพระเพลิงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  โดยถวายพ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐานอธิตฐานจิตมากมายได้แก่หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ท่านพ่อลี ธัมมธโร หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมฯลฯ( เอาเป็นว่าครบทุกองค์ )
เพื่อแจกเป็นที่ระลึกกับผู้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และวัตถุทรัพย์ในงานถวายพระเพลิงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต










985.เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย จ.สุพรรณบุรี ปี11 หลังยันต์เกราะเพชร ยันต์คุณวิเศษ สวยๆ เดิมๆ  1,700- ของเก็บเก่าหลายปีแล้วครับนำออกมาแบ่งปัน

หลวงพ่อแต้ม ศิษย์เอกหลวงพ่อปานแห่งวัดบางนมโค ที่หลวงพ่อปานถ่ายทอดวิชาประจำตัวท่าน คือ วิชายันต์เกราะเพชรให้

ปิดท่าน j999

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 05, 2019, 11:52:50 AM โดย thesun »



985.เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย จ.สุพรรณบุรี ปี11 หลังยันต์เกราะเพชร ยันต์คุณวิเศษ สวยๆ เดิมๆ  1,700- ของเก็บเก่าหลายปีแล้วครับนำออกมาแบ่งปัน

หลวงพ่อแต้ม ศิษย์เอกหลวงพ่อปานแห่งวัดบางนมโค ที่หลวงพ่อปานถ่ายทอดวิชาประจำตัวท่าน คือ วิชายันต์เกราะเพชรให้





จากอดีตนักเลงกลับเนื้อกลับตัวมาบวช และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือมากรูปหนึ่ง พระครูประภัศร์ ธรรมาภรณ์ หรือ หลวงพ่อแต้ม ปุญญ สุวัณโณ วัดพระลอย ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2434 บ้านด้านทิศใต้วัดพระลอย เป็นบุตรคนโตของพ่อแย้ม แม่อ่ำ นารถพลายพันธ์ ท่านเป็นคนร่างเล็ก ครอบครัวยากจน ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ พอแตกหนุ่มเกิดคบเพื่อนอันธพาลนักเลงรุ่นเดียวกัน ชอบตีรันฟันแทง แม้จะมีร่างเล็ก แต่เล็กพริกขี้หนู ใจถึงน่าดูไม่กลัวใคร ท่านเป็นหัวหน้านักเลงขึ้นชื่อ คุมท้องถิ่นแถวบ้านวัดพระลอย และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่รู้จักชอบคอกันดีเป็นหัวหน้านักเลงอยู่ที่ศรีประจันต์ ชื่อ ปุย (ภายหลัง คือ หลวงพ่อปุย วัดเกาะนั่นเอง) เป็นนักเลงคุมแถวลุ่มน้ำบ้านคอย วันหนึ่งบิดามารดาเห็นว่าหลวงพ่อแต้มอายุครบบวชจึงอยากให้บวช เลยไปตามหลวงพ่อแต้ม ซึ่งตอนนั้นไปอยู่ที่อ่างทอง ตามตัวพบแล้วจึงพามาบวชที่วัดสำปะซิว โดยหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสำปะซิว อบรมบ่มนิสัยหลวงพ่อแต้มก่อนบวช โดยแรกเริ่มหลวงพ่อแต้มไม่รู้หนังสือแม้แต่ตัวเดียว แต่ก็สามารถท่องเจ็ดตำนานได้ภายในเจ็ดวัน หลวงปู่โต๊ะชอบใจมาก เพราะหลวงพ่อแต้มหัวไว หลังจากนั้นจึงอุปสมบทให้หลวงพ่อแต้ม เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2455 ณ พัทธสีมาวัดสำปะซิว มี หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปลื้ม (อีกรูปหนึ่ง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่โต๊ะ วัดสำปะซิว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "ปุญญสุวัณโณ" หลังจากบวชแล้ว เกิดจิตฟุ้งซ่าน หลวงปู่โต๊ะจึงพาไปเล่นกระดูกผีในป่าช้า และสอนกรรมฐานให้ด้วย และสอนหนังสือทั้งไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้ และหลวงพ่อแต้มยังได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ กับช่างไม้ช่างก่อสร้างจากหลวงปู่โต๊ะอีกด้วย จนมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มาก ต่อมาย้ายมาอยู่วัดพระลอยจึงลาสิกขาออกมาปี 2463 สรุปแล้วท่านบวชครั้งแรกอยู่ 8 พรรษา ใช้ชีวิตทางโลกอยู่พักหนึ่งเกิด เบื่อหน่ายทางโลก จึงอุปสมบทครั้งที่ 2 โดยมี หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อพร วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อคำ วัดพระรูป เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทครั้งสองแล้ว จำพรรษาอยู่วัดลาวทอง จวบจนปี พ.ศ.2466 จึงไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากหลวงพ่อซัว วัดสาลี บางปลาม้า จวบจนถึงปี พ.ศ. 2468 และไปเรียนต่อจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา สำเร็จวิชายันต์เกราะเพชร ท่านเคยได้เขียนยันต์เกราะเพชรให้เจ้าอาวาสวัดท่าทอง ขณะนี้ยังอยู่ สวยงามมากและวิชาหมอตาทิพย์ วิชาแพทย์แผนโบราณช่วยคน และกลับมาอยู่วัดลาวทองต่อ ปีพ.ศ.2483 คณะสงฆ์แต่งตั้งให้หลวงพ่อแต้มมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระลอย ซึ่งใกล้จะร้าง ให้มีสภาพดีขึ้น ท่านพัฒนาวัดจนเจริญ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจขึ้นชื่ออีกแห่งของเมืองสุพรรณ จวบจนมรณภาพปีพ.ศ.2514 สิริอายุ 80 ปี หลวงพ่อแต้มมรณภาพมีเจ้าภาพที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจองคิวสวดพระอภิธรรมจำนวนมากคนละวันก็เป็นปีๆ ทางวัดจึงได้พิจารณาจะสวดพระอภิธรรมแค่ 100 วัน และจะได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อครบ 100 วัน เปิดโรงศพท่านดูก็ต้องพบกับเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ เมื่อศพของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย เหมือนกับคนนอนนิ่งธรรมดา ทางวัดจึงเก็บศพหลวงพ่อไว้ถึงปัจจุบันนี้ และเปิดให้ประชาชนกราบสักการะศพของท่านได้ทุกวัน สมดังปัจฉิมวาจาก่อนมรณภาพที่หลวงพ่อให้ไว้ว่า "ถ้าข้าตาย ก็ให้เก็บศพไว้อย่าไปเผา สังขารข้าอยู่ วิชาอาคมของข้าก็อยู่ช่วยพวกเอ็งไปตลอด เดือดร้อนอะไรให้มากราบพระลอย และมาหาข้า เหตุร้ายเดือดร้อนจะหายไป ข้าจะลงวิชาเกราะเพชรให้แก�ทุกคนจำไว้ นะไอ้หนู" หลวงพ่อแต้ม เริ่มสร้างวัตถุมงคลรุ่นแรก ตั้งแต่ปีพ.ศ.2495 พระเนื้อดินเผาสีดำ เป็นพระซุ้มกอ และพิมพ์นาคปรก หรือปางพญามหาชมพู และอีกหลายพิมพ์ เป็นเนื้อดิน เป็นต้น เมื่อปีพ.ศ.2511 สร้างเหรียญรุ่นแรกเป็นเหรียญรูปอาร์ม เนื้อทองแดงรมดำ และเหรียญรุ่น 2 ปี 2512 รุ่น3 ปี 2523 ช่วงเวลานั้นท่านได้สร้างพระกริ่ง เป็นกริ่งนาคปรก เนื้อโลหะผสม นับเป็นกริ่งรุ่นแรกรุ่นเดียวของหลวงพ่อแต้ม ด้วยหลวงพ่อแต้มสำเร็จวิชายันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านจึงได้สร้างเหรียญยันต์เกราะเพชรเหรียญแรกของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี 2511 ฝากไว้เป็นสมบัติชั่วลูกชั่วหลาน ว่ากันว่าก่อนปี 2511 ยังไม่มีพระเกจิอาจารย์รูปใดสร้างเหรียญยันต์เกราะเพชรเลย








ขอจองครับ



986.เหรียญรุ่น2 หลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะฯ จ.กาญจนบุรี ปี11 หน้าและหลังแปะ ชันโรง หลวงพ่อนารถ อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ในโบสถ์ สถาพสวยแชมป์
เหรียญนิยมเหรียญหนึ่งของเมืองกาญ ประสบการณ์มากมาย มีในรายการประกวดเสมอ ใช้แทนเหรียญรุ่นแรกที่ราคาหลักหมื่นได้เลยครับ
1800- ปิดท่านj999 ครับ
ในพื้นที่แพงกว่านี้และหาสวยๆแบบนี้ยากครับ เหรียญของหลวงพ่อนารถมีประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่กล่าวขวัญกันเป็นอย่างมาก

ณ ปัจจุบันพระหายากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะพระเก่าๆ  ค้นพระเก่าเก็บออกมาแบ่งปันครับ ใครมีกำลังเก็บได้ อนาคต ออกต่อก็มีกำไรแน่นอนครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 06, 2019, 11:43:58 AM โดย thesun »



987.นำเสนอเหรียญหายาก เหรียญพระพุทธชินราช หลังอกเลา เนื้อเงิน ปี2472 (หูตัด) วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) จ.พิษณุโลก
เหรียญสวยๆ ราคาหลายๆหมื่นบาทครับ และหาไม่ง่ายครับสำหรับเหรียญสวย เหรียญนี้ผ่านการใช้มาตามกาลเวลาตามอายุเหรียญเกือบร้อยปี แต่ยังคงมีเสน่ห์ ในตัวครับ
โดยได้รับการอธิษฐานจิตจาก พระเกจิอาจารย์ยุคสมัยนั้น และหนึ่งในพระเกจิที่ร่วมปลุกเสก คือ หลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ 
จัดเป็นเหรียญพระพุทธ ยอดนิยมเหรียญนึงของวงการครับ เลี่ยมทองขึ้นคอได้เลยครับ แท้ดูง่าย รับประกันให้ตลอดชีพครับ
7,800-

ปิดคุณTony ทางไลน์ครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 06, 2019, 02:05:12 PM โดย thesun »



986.เหรียญรุ่น2 หลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะฯ จ.กาญจนบุรี ปี11 หน้าและหลังแปะ ชันโรง หลวงพ่อนารถ อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ในโบสถ์ สถาพสวยแชมป์
เหรียญนิยมเหรียญหนึ่งของเมืองกาญ ประสบการณ์มากมาย มีในรายการประกวดเสมอ ใช้แทนเหรียญรุ่นแรกที่ราคาหลักหมื่นได้เลยครับ
1800-
ในพื้นที่แพงกว่านี้และหาสวยๆแบบนี้ยากครับ เหรียญของหลวงพ่อนารถมีประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่กล่าวขวัญกันเป็นอย่างมาก

ณ ปัจจุบันพระหายากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะพระเก่าๆ  ค้นพระเก่าเก็บออกมาแบ่งปันครับ ใครมีกำลังเก็บได้ อนาคต ออกต่อก็มีกำไรแน่นอนครับ


จัดสร้างเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2511 เพื่อแจกแก่บรรดาลูกศิษย์ที่พลาดโอกาสในการได้รับเหรียญปั๊มรูปเหมือนรุ่นแรก เมื่อปี03
โดยครั้งนี้ได้สร้างด้วยเนื้อโลหะหลายชนิด ประกอบด้วย 1.เนื้อทองคำ เนือเงิน เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และ เนื้อทองแดงรมดำ
ด้านหน้า ตรงกลางเป็นรูปหลวงพ่อนาถนั่งสมาธิเต็มรูป บนสังฆาฏิมีอักขระขอมว่า "อะระหังปะอิเต พุทโธสังโก"
ด้านบนมีอักขระขอม 3 ตัว ว่า "มะ อะ อุ" และเลข "๕" ไทย ตรงพื้นผนังศีรษะทำเป็นเส้นรัศมี ด้านข้างรัศมีด้านขวามีอักขระขอมว่า
 "อะ พุ ทะ สัง มิ" ส่วนด้านซ้ายว่า "หุ สุ นะ มะ พะ ทะ" ด้านล่างรูปเหมือนมีอักษรไทยว่า "พระครูโสภณประชานารถ"
ด้านหลัง ตรงกลางเป็นรูปหลวงพ่อพรตนั่งสมาธิเต็มรูป บนสังฆาฏิมีอักขระขอมว่า "อะ สัง วิ สุ" บนผนังเหรียญบริเวณหลังศีรษะเป็นรัศมีวงกลม
ด้านข้างรัศมีมีอักขระขอมว่า "โล ปุ สะ พุ ภะ" ใต้รูปเหมือนมีอักษรไทยว่า "หลวงพ่อพรต"


วัดศรีโลหะราษฏร์บำรุง เป็นวัดเก่าแก่สร้างเมื่อปี พ.ศ.2330 ตรงกับรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่1 โดยชาวจีนผู้หนึ่งซึ่งตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ในหมู่บ้านศรีโลหะ เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ขึ้น ระยะแรกมีกุฏิเพียงไม่กี่หลัง ต่อมาได้รับความร่วมมือจากพระศรีสวัสดิ์ในขณะนั้นเป็นผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือสำนักสงฆ์แห่งนี้เรื่อยมา ต่อมาภายหลังได้บูรณะก่อสร้างกุฏิสงฆ์เพิ่มเติมทั้งศาลาการเปรียญและพระอุโบสถครบสมบูรณ์จึงได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาและตั้งชื่อวัดว่า
@ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง @ ตามชื่อผู้ริเริ่มก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์และผู้ให้ความอุปถัมภ์มาโดยตลอด คือ นายโลหะ และ พระศรีสวัสดิ์
เจ้าอาวาสผู้ปกครองดูแลวัดศรีโลหะฯจากอดีตถึงปัจจุบันมีจำนวนหลายองค์ แต่ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณโด่งดัง เป็นที่รู้จักกันมี 2 องค์คือ
1 หลวงพ่อพรต (พระครูยติวัตรวิบูล) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 6
2 หลวงพ่อนารถ นาคเสโน (พระครูโสภณ ประชานารถ) เจ้าอาวาสองค์ที่ 9


หลวงพ่อพรต จนฺทโสภะ หรือพระครูยวิวัตรวิบูล ท่านเป็นชาวกรุงเทพฯ เกิดเมื่อ ปีพ.ศ.2421 ล่วงมาถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ.2441 ตรงกับวันอาทิตย์ เดือน 7
ขึ้น 12 ค่ำ ปีระกา เวลา 14.25 น. อายุได้20ปี ได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดมหาพฤฒาราม กรุงเทพฯ โดยมี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(แสง) เป็นพระอุปัชฌา พระกัลยาณุคุณ(กล้ำ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระธรรมเจดีย์(อุ่ม)
เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "จนฺทโสภะ" ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดมหาพฤฒารามเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย
ตลอดจนศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานจนเจนจบ จึงได้ออกเดินธุดงค์
ตามสถานที่ต่างๆ กระทั่งถึงวัดศรีโลหะฯ ท่านเห็นว่าสถานที่แห่งนี้สงบวิเวก เหมาะแก่การฝึกวิปัสสนากัมมัฎฐาน จึงได้ทำสกจำพรรษา ณ วัดแห่งนี้
ขณะที่ท่านได้พำนักจำพรรษา ณ วัดศรีโลหะฯนั้น หลวงพ่อฉาวเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ซึ่งท่านเป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่แก่กล้าพระเวทย์วิทยาคมอีกองค์หนึ่ง และเคยสร้างพระเครื่องบรรจุกรุเอาไว้ หลวงพ่อพรตจึงได้ศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากหลวงพ่อฉาว นอกจากนี้แล้วยังได้ศึกษาจากตำราโบราณ ซึ่งเป็นตำราตกทอดมานานของวัด แล้วท่านยังได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์กับ พระครูวิสุทธิรังษี หรือ หลวงพ่อเปลี่ยน อินทสโร แห่งวัดไชยชุมพลชนะสงคราม(วัดใต้)
ด้วยความรักและเคารพในครูบาอาจารย์ ท่าถึงกับลั่นวาจาไว้ว่า
"ถ้าท่านเจ้าคณะจังหวัดยังอยู่(หมายถึงหลวงพ่อเปลี่ยน) ท่านจะไม่สร้างวัตถุมงคลใดๆขึ้นมา" ภายหลังหลวงพ่อฉาว เจ้าอาวาสองค์ที่5 ได้มรณภาพ ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส
สืบต่อมา ได้พัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพระอารามให้เจริญรุ่งเรือง ก่อตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้น เพื่อให้พระภิกษุสามเณรได้ศึกษาหาความรู้
ปี พ.ศ.2458 ตรงกับ วันที่ 19 กุมพาพันธ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จประพาสมาทางน้ำมาตรวจราชการที่กาญจนบุรี ได้แวะมาตรวจที่วัดศรีโลหะฯ หลวงพ่อพรตท่านได้มีโอกาสเข้าเฝ้าถวายรายงานถึงเรื่องต่างๆ ต่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ ภายในปีนี้เอง ท่านได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูยติวัตรวิบูล พระครูสัญญาบัตร ตำแหน่งเจ้าคณะหมวด 2
หลวงพ่อพรต จนฺทโสภะ ได้ปกครองวัดศรีโลหะฯเรื่อยมา จนกระทั่งถึงแก่มรณภาพ
ในวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2480 รวมศิริอายุได้ 59 ปี 39 พรรษา

หลวงพ่อนารถ ศิษย์หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว



พุทธประวัติ หลวงพ่อนารถ นาคเสโน
หลวงพ่อนารถ นาคเสโน ท่านเกิดเมื่อ วันศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน10 ปีฉลู ตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2444 พื้นเพท่านเป็นชาวอำเภอศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี เป็นบุตรของ คุณพ่อพิมพ์ คุณแม่สมบุญ
เพิ่มบุญ มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นชาย 3 หญิง 2 คน
ปี พ.ศ.2473 อายุได้ 29 ปี จึงได้อุปสมบท ณ พัทสีมา วัดศรีโลหะฯ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย หรือวันที่ 10 กรกฎาคม
โดยมี
พระวิสุทธิรังษี (หลวงพ่อเปลี่ยน) วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) เป็นพระอุปัชฌา
พระครูยติวัตรวิบูล (หลวงพ่อพรต) วัดศรีโลหะฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระปลัดจู วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้บฉายาว่า " นาคเสโน "
ภายหลังอุปสมบทพำนักจำพรรษา ณ วัดศรีโลหะฯ ศึกษาพระธรรมวินัย ตลอดสรรพวิชาต่างๆจากหลวงพ่อพรต
ท่านได้ไปขอร่ำเรียนวิชาต่างๆ มีดังนี้
1 หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เรียนวิชาการสร้างตะกรุดลูกอม และวิชาเกี่ยวกับการคุ้มครองป้องกัน
2 หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ ศึกษาเกี่ยวกับ วิปัสสนา
กัมมัฎฐานและอื่นๆ
3 หลวงพ่อนาก วัดท่าน้ำตื้น
4 คุณแม่มูล ศึกษาวิชาทางแก้คุณไสย
5 นายพุ่ม ศึกษาวิชา ธนูมือ ธนูไฟ
6 นายขัน ศึกษาวิชาแก้คุณไสย และ คงกระพัน
7 นายคำ สุขอุดม ศึกษาวิชาแก้คุณไสย
8 นายหมุน ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ
9 นางเลียบ ศึกษาตำรายาเกี่ยวกับโรคไต
ปี พ.ศ.2494 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีโลหะฯ
ปี พ.ศ.2498 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌา
ปี พ.ศ.2507 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวน
ปี พ.ศ.2511 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่ พระครูโสภณประชานารถ
ปี พ.ศ.2515 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ที่ สมณศักดิ์เดิม


ชันโรงครับ  พระเครื่องของหลวงพ่อนาถ ค่อนข้างจะแปลกไปจากสำนักอื่นๆ คือทุกองค์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อชนิดใดก็ตาม ท่านจะต้องนำชันโรงมาติดไว้ที่องค์พระ หลวงพ่อนาถได้อธิบายถึงความสำคัญของชันโรงว่า..อัน " ชันโรง "นั้นเกิดจากแมลงตัวเล็กๆชนิดหนึ่ง ตัวสีดำมีปีกบินได้ชอบทำรังอยู่ตามต้นไม้บ้าง ใต้ดินบ้าง เป็นสัตว์ที่ชอบอยู่อย่างสงบเงียบ คือชอบแฝงตัวอยู่ตามมุงลับๆ เช่น ตามซอกประตู หน้าต่างหรือรอยแตกของพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ และตามกุฏิล้างเป็นต้น โดยธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้ เป็นสัตว์ที่รักความสงบ ไม่เบียดเบียนสัตว์และแมลงตัวอื่นๆ การหาอาหารกินของมันคือกินเกสรอ่อนและน้ำหวานของเกสรดอกไม้ เป็นสัตว์ที่มีส่วนคล้าย "ผึ้ง"แต่ตัวชันโรงนี้ไม่มีอาวุธร้ายไว้ทำร้ายใคร ไม่เหมือนผึ้งที่มีเหล็กในไว้ป้องกันตัว ถึงแม้มันจะถูกสัตว์อื่นรังแก แต่มันก็มิได้โต้ตอบต่อสู้แต่ประการใด หากถูกรังแกหนักเข้า มันก็จะพากันอพยพไปอยู่ที่ใหม่ ซึ่งเป็นที่ๆมันคิดว่าปลอดภัย เจ้าตัวชันโรงนี้หลวงพ่อนาถบอกว่า..พระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าๆมักเรียกนามมันว่า" ตัวสันติ "เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะมันไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร ชอบอยูอย่าสงบนั่นเอง  คำว่า"สันติ"นี้ไม่ว่าจะอยู่แห่งใดก็มีแต่ความสงบอยู่อย่างเป็นสุข ไม่มีการรบราฆ่าฟัน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น อิจฉาริษยากันตลอดจนการเบียดเบียนหรือให้ร้ายกัน เมื่อความสงบสุขเกิดขึ้นแห่งใดสถานที่นั้นเปรียบประดุจดินแดนแห่งพระนิพพานนั่นเอง!!  ด้วยเหตุนี้ พระเกจิอาจารย์ผู้มีญาณสมาบัติขั้นสูง จึงเล็งเห็นความสำคัญของเจ้าตัวสันตินี้ เพราะความสำคัญของพระศาสนานั้น ก็คือ มีศีล มีธรรมะประจำใจ รักสงบ ไม่เบียดเบียนกัน ต้องมีความเป็นอยู่อย่างสมถะ เฉกเช่นตัวชันโรง อีกประการหนึ่งรังของตัวชันโรง เป็นสิ่งที่คุณวิเศษในตัวเรียกว่า "ทนสิทธิ์"เพราะมันมีความเหนียวปิดบังตัวชันโรงให้อยู่อย่างปลอดภัย ท่านโบราณจารย์จึงได้นิยมนำ "รัง" ของมันมาปิดอุดบรรจุพระเครื่องแต่จะต้องเลือกเฟ้นหาแต่รังชันโรงที่อยู่ใต้พื้นดินเท่านั้น ดังเช่น...
                       ท่านเจ้าคุณภาวนาโกศลเถระ(หลวงปู่เอี่ยม)วัดหนัง บางขุนเทียน ท่านนำชันโรงมาอุดก้นพระชัยวัฒน์ ที่วงการนิยมเล่นกัน เรียกว่า "รุ่นสร้างเขื่อน" ที่เล่นหากันในราคาสูงยิ่ง  สมเด็จพระสังฆราชอยู่ ญาโณทัย วัดสระเกศ ก็ได้นำรังชันโรงมาปิดก้นพระปิดตาไม้แกะหรือแม้แต่ ปิดตาหลวงปู่รอด วัดโคนอน พระปิดตาหลวงปู่เบี้ย วัดโคกเจดีย์ก็นำรังชันโรงมาอุดก้นเช่นกัน  หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วและหลวงปู่รอด วัดนายโรง ก็ได้ใช้ชันโรงมาปิดเบี้ยแก้ เพื่อเพิ่มพูนพุทธานุภาพให้สูงยิ่งเป็นทวีคูณเหมือนกัน คุณสมบัติพิเศษของ"ชันโรง" นอกจากจะมีอุปเท่ห์ ในทางทนสิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์ในตัวแล้ว รังของมันยังป็นที่ต้องการของพระคณาจารย์สมัยเก่าที่นิยมนำมาต้มให้ละลายแล้วกรองจนสะอาด มาผสมกับสีผึ้ง กล่าวกันว่า..เป็นเมตตามหานิยมสูงส่งดีเยี่ยมยอดนักแล   ฉนั้น หลวงพ่อนาถ ท่านจึงได้แสวงหา รังชันโรงใต้ดิน นำมาผสมกับผงวิเศษที่ท่านได้ลบสูตรตามตำรับตำราที่ร่ำเรียนมา นอกจากนี้ได้จัดหาชันยาเรือเก่าที่มีอายุเป็นร้อยๆปีนำมาผสมเข้าด้วย กล่าวกันว่า อันชันใต้ท้องเรือเก่านั้น มีคุณวิเศษเป็นเอนกอนันต์ในด้านแก้อาถรรพ์ เช่นพวกเสน่ห์ยาแฝด ที่พวกหมอแขก หมอเสน่ฆ์เขาทำกัน เป็นต้น    เมื่อได้สิ่งของครบตามจำนวนแล้ว หลวงพ่อได้นำมาเคี่ยวผสมกัน ปั้นเป็นก้อนกลมใหญ่ และนำมาติดองค์พระตามที่ต่างๆ เป็นจุดดำกลมๆเล็กๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของท่านครับ








ขอจองครับ




 

ติดต่อผู้ดูแลเว็บ หรือ สนใจลงโฆษณา โทร ๐๘๖๒๒๒๐๐๕๕

อีเบย์ อุดรธานี ร่ม รับนำเข้าสินค้าจากจีน power bank กระบอกน้ำ ของพรีเมี่ยม แฟลชไดร์ฟ plc mitsubishi ปากกา taobao เฟอร์นิเจอร์ แหวนเพชร servo motor mitsubishi