แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - arkom

หน้า: [1] 2 3
1

ความเชื่อเรื่องโชคลางและดวง เป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ร่วมกับสังคมไทยมาช้านาน ตามความเชื่อนั้นตัวเลขที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน ล้วนส่งผลกับเราทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น เลขที่บ้าน ที่อยู่อาศัย เลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ รวมถึงเลขทะเบียนรถด้วยเช่นกัน แต่หมายเลขอะไร จะเป็นเลขมงคลส่งเสริมการงาน การเงิน ให้กับเจ้าของผู้ขับขี่บ้าง วันนี้ สวัสดีดอทคอม มีคำตอบมาฝากกัน ประกันภัยรถยนต์
วิธีการดูเลขทะเบียนรถมงคล
สำหรับความเชื่อเรื่องเลขทะเบียนรถนั้นมีอยู่มากมายหลายศาสตร์ด้วยกัน เช่น การใช้สีรถถูกโฉลกและหลีกเลี่ยงตัวเลข หรือ ตัวอักษรที่เป็นกาลกิณีตามวันเกิดของเจ้าของรถตามหลักทักษา, การคำนวณจากผลรวมเลขทะเบียนรถ และ การใช้คู่เลขมงคลมาอยู่ในตำแหน่งต่างๆของเลขทะเบียน เพื่อก่อให้เกิดโชคลาภหรือผลลัพธ์ส่งเสริมดวงของผู้ใช้งาน ซึ่งสำหรับบทความนี้ เราจะเน้นที่การใช้คู่เลขมงคล และคู่เลขที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นหลัก เสริมด้วยสีรถถูกโฉลกสำหรับคนเกิดแต่ละวัน เนื่องจาก ผลรวมนั้น สามารถประกอบด้วยคู่เลขหลายตัวหลายแบบมารวมกันแล้วให้ผลรวมเดียวกันได้ ดังนั้น ท่านที่ผลรวมเลขทะเบียนออกมาไม่ดี ไม่ต้องกังวลใจ สามารถใช้หลักการดู “คู่เลขทะเบียนรถมงคล” แทนได้ โดยมีหลักการดังนี้ เช่น 2 สว 6395 คู่เลขจะนับจากตัว 6395 นั่นคือ 63, 39, 95 สามคู่นี้เรียกว่าคู่เลข ส่วนเลข 2 ซึ่งเป็นเลขตัวหน้าสุด ไม่ต้องเอามาเข้าคู่กัน และไม่เอาตัวหนังสือ มาร่วมในการดูด้วยเช็คเบี้ยประกันรถยนต์

คู่เลขทะเบียนรถเจ้าของกิจการ เพิ่มอำนาจบารมี
สำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหาร ที่ต้องการภาพลักษณ์ของความน่าเชื่อถือ ส่งเสริมบารมี ดึงดูดทรัพย์ หมุนเงินคล่อง ตลอดจนมีหุ้นส่วนที่สามารถเป็นที่ปรึกษาหรือช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ สามารถใช้คู่เลข 78, 87, 24, 42, 36, 63, 28, 82 ร่วมกับคู่เลข 15, 51, 35, 53, 45, 54, 89, 98, 99 เนื่องจากเลข 5 จะช่วยให้ผู็ขับขี่มีสติมากขึ้น รวมถึงเลข 9 ที่มีความหมายถึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครอง
คู่เลขทะเบียนรถเรียกลูกค้า เมตตามหานิยม
เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานบริการ หรือ งานที่ต้องมีการติดต่อประสานงาน กับ ผู้คนเยอะๆ ต้องอาศัยจำนวนลูกค้า หรือรายได้แปรผันตรงกับจำนวนลูกค้า ไปจนถึงการที่ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น มีน้ำใจกับเรา ลองใช้เลขคู่เหล่านี้ดู 22, 23, 32, 24, 42, 26, 62, 29, 92, 36, 63 (ถ้าจะให้ดี ควรปิดท้ายด้วยเลข 5 เพราะเป็นเลขแห่งสติ เสริมเรื่องความปลอดภัย)



คู่เลขทะเบียนคนขับรถบ่อย แคล้วคลาด
กลุ่มเลขช่วยให้ขับรถมีสติ พร้อมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครอง ได้แก่ เลขคู่ 15, 51, 55, 49, 94, 95, 59, 99 แต่หากคุณเป็นคนที่คิดเร็ว ขับรถเร็วและขับรถบ่อยบ่อยด้วยหน้าที่ เช่น เป็นเซลล์ หรือ ทำงานด้านการขนส่ง ที่ต้องอาศัยความไว และมีคู่แข่งเยอะ สามารถใช้คู่เลข 35, 53, 39, 93, 49, 94 ได้
จะเห็นได้ว่า ทะเบียนรถมงคล เป็นศาสตร์แห่งตัวเลขที่มีวิธีให้เลือกคำนวณได้หลากหลายแบบตามความเชื่อส่วนบุคคล อย่างไรก็ตามผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณ และในการขับรถบนท้องถนน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการขับรถอย่างระมัดระวัง ปลอดภัย ไม่ประมาท ดังนั้นเมื่อได้เลขทะเบียนมงคลมาแล้วก็อย่าลืมขับขี่อย่างมีสติ พร้อมซื้อหรือต่ออายุประกันรถยนต์ซื้อประกันรถยนต์ ตัวช่วยไว้อุ่นใจยามฉุกเฉินด้วยเช่นกัน
ทำเรื่องประกันให้เป็นเรื่องง่ายๆ คลิกเปรียบเทียบประกันรถยนต์ สวัสดีดอทคอม ผ่อนเงินสด 0% นาน 12 เดือน ไม่ง้อบัตรเครดิต ฟรี! บัตรของขวัญสูงสุด 1,000 บาท เมื่อซื้อประกันและแชร์ประสบการณ์ผ่าน Facebook *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ประกันออนไลน์ คุ้มครองครบ จบที่เดียวเบี้ยประกันรถยนต์ สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 5999


2

สัญญาณที่บอกว่าแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ
การเช็คสัญญาณแบตเตอรี่รถยนต์หมดหรือเสื่อมสภาพทำได้ง่าย ๆ ด้วยการสังเกตอุปกรณ์หรือระบบที่ต้องใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานซึ่งสามารถสังเกตได้ด้วยการทำงานระบบ ประกันรถยนต์

รถมีอาการสตาร์ทติดยาก ต้องสตาร์ทซ้ำ ๆ หรือสตาร์ทไม่ติด
สัญญาณนี้จะค่อนข้างชัดเจนในช่วงเช้า หรือตอนที่ต้องสตาร์ทรถหลังจากจอดรถทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืน เมื่อสตาร์ทรถเราจะรู้สึกได้ว่าเครื่องยนต์สตาร์ทช้า หรือเสียงเครื่องยนต์แผ่วลงผิดปกติ สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากประจุไฟในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์

ระบบแสงไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าในรถเริ่มทำงานผิดปกติ
ภายในห้องโดยสารมีอุปกรณ์หลายอย่างที่อาศัยแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน เราจึงสามารถสังเกตอาการแบตเตอรี่เสื่อมหรือหมดสภาพได้จากระบบเหล่านั้นว่ายังทำงานเป็นปกติหรือไม่ซื้อประกันรถยนต์ โดยเราอาจสังเกตจากไฟส่องสว่างบนเพดานรถ ไฟบนหน้าจอเครื่องเสียง รวมถึงเสียงแตรรถยนต์

แสงไฟนอกรถเริ่มสว่างน้อยลง
เมื่อประจุไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ เราจะรู้สึกว่าไฟหน้ารถหรี่หรือเบาลงผิดปกติ รวมถึงไฟเลี้ยวและไฟท้ายเช่นกัน มักสังเกตได้ชัดเจนตอนที่ต้องขับรถกลางคืน ดู เบี้ยประกันรถยนต์
 


สาเหตุที่อาจทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ
การใช้งานรถยนต์ต้องอาศัยระบบการทำงานหลายอย่าง แบตเตอรี่ก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ต้องมีการดูแลและคอยเช็คสภาพอยู่เรื่อย ๆ เพื่อป้องกันอาการรถดับขณะที่ขับหรือรถสตาร์ทไม่ติดในวันที่ต้องรีบใช้รถ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพมีด้วยกันหลายอย่าง ดังต่อไปนี้

แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์มักขึ้นอยู่กับชนิดของแบตเตอรี่ด้วย โดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์ชนิดน้ำและชนิดกึ่งแห้งมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี ไม่เกิน 3 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ในขณะที่แบตเตอรี่ชนิดแห้งมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี

เชื่อมต่อขั้วแบตเตอรี่หลวม หรือขั้วแบตเตอรี่มีสนิม มีคราบเกลือ
เมื่อเกิดคราบเกลือ หรือสนิมเกิดขึ้นรอบขั้วแบตเตอรี่ สาเหตุมักเกิดจากการเติมน้ำกลั่นเกินระดับที่กำหนด เมื่อเครื่องยนต์ร้อนก็ทำให้ไอน้ำล้นออกมาให้โลหะบริเวณขั้วแบตเตอรี่ทำปฏิกิริยาเคมีกับไอน้ำและออกซิเจนในอาการทำให้เกิดคราบสนิม ซึ่งคราบนั้นจะไปปิดกั้นกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ทำให้แบตเตอรี่จ่ายไฟได้ไม่เหมาะสมจนทำให้รถสตาร์ทติดยาก

ระบบไดชาร์จมีปัญหา
โดยปกติเมื่อสตาร์ทรถติด ไดชาร์จทำหน้าที่ชาร์จไฟกลับไปที่แบตเตอรี่ แต่ถ้าหากระบบไดชาร์จมีปัญหา ไฟไม่กลับเข้าไปที่แบตเตอรี่ พอใช้งานรถ ไฟจากแบตเตอรี่ก็ถูกใช้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้ชาร์จ อาจทำให้รถสตาร์ทเครื่องไม่ติดในครั้งต่อไปเนื่องจากแบตเตอรี่หมดหรือเสื่อมสภาพ ควรซ่อมหรือเปลี่ยนไดชาร์จก่อนที่จะพลอยทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไปด้วย

ทำเรื่องประกันให้เป็นเรื่องง่ายๆ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ สวัสดีดอทคอม ผ่อนเงินสด 0% นาน 12 เดือน ไม่ง้อบัตรเครดิต
ฟรี! บัตรของขวัญสูงสุด 1,000 บาท เมื่อซื้อประกันและแชร์ประสบการณ์ผ่าน Facebook *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ประกันออนไลน์ คุ้มครองครบ จบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 5999 คลิกเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ง่ายๆ ใน 2 วิ

3

ในวันที่เกิดอาการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด สิ่งที่ตามมาคือค่ารักษาพยาบาลที่มีมูลค่าสูง สิ่งที่เป็นตัวช่วยในการรองรับความเสี่ยงกับเหตุการณ์ดังกล่าวนั่นก็คือ ประกันสุขภาพ ในทุกวันนี้บริษัทประกันก็นำเสนอแผนประกันสุขภาพหลากหลายแผน มีความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ทำให้หลายท่านเกิดความสับสนว่าจะเลือกซื้อประกันสุขภาพแผนไหนดี ให้คุ้มค่ามากที่สุด สวัสดีดอทคอม มีคำตอบ
3 วิธี เลือกซื้อประกันสุขภาพ
1. ประเมินความต้องการของตนเอง
อันดับแรกสามารถประเมินความต้องการเบื้องต้นของตนเองว่า สุขภาพโดยพื้นฐานของตนเองเป็นอย่างไร มีโอกาสเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์หรือไม่ พฤติกรรมในการใช้ชีวิต รวมถึงการพบเจอความเสี่ยงที่สามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ แล้วจึงค่อยมองหาความคุ้มครองที่ต้องการเพิ่มเติม โดยอ้างอิงจากสวัสดิการพื้นฐานที่มี หากท่านใดเป็นพนักงานประจำ บางบริษัทก็จะมีสวัสดิการเพิ่มเติมมาให้ ตรงสามารถเลือกความคุ้มครองเพิ่มเติมได้เลย เพื่อให้ได้เบี้ยประกันที่ถูกแต่ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม อีกทั้งในเรื่องของค่ารักษาให้ประเมินเอาว่าต้องการค่ารักษาแบบแยกจ่ายหรือเหมาจ่าย เพราะเบี้ยประกันสุขภาพก็จะแตกต่างออกไป ที่สำคัญการเลือกโรงพยาบาลในเครือข่ายหลากหลายพื้นที่ ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึง หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน จะได้เข้ารับการรักษาและเรียกร้องค่าสินไหมได้ทันที

2. เปรียบเทียบแผนประกันสุขภาพ
ในปัจจุบันบริษัทประกันภัยก็ถือกำเนิดมากมาย แล้วแต่ละบริษัทประกันก็มีแผนประกันที่หลากหลายในการนำเสนอขาย ซึ่งประกันสุขภาพแต่ละแผนจากแต่ละบริษัทประกันก็มีความคุ้มครองที่ไม่เหมือนกันตามเบี้ยประกันที่จ่ายไป ซึ่งความคุ้มครองในแต่ละด้านและทุนประกันค่ารักษาพยาบาล ก็แตกต่างไปตามแผนประกันของบริษัท สำหรับใครที่ต้องการซื้อประกันสุขภาพ บางท่านอาจจะหาข้อมูลจากหลายๆ บริษัทมาประกอบการตัดสินใจ แต่ในตอนนี้มีบริการจากสวัสดีดอทคอม ที่สามารถเลือกประกันจาก 14 บริษัทชั้นนำ และทำการเปรียบเทียบเบี้ยประกันสุขภาพ กับความคุ้มครองที่ตรงใจมากที่สุด โดยเว็บไซต์จะทำการประมวลเพียง 2 วินาทีเท่านั้น

3. ประเมินความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกัน
แน่นอนว่าความคุ้มครองที่ครอบคลุมรอบด้าน มักจะมากับเบี้ยประกันที่สูงตามไปด้วย ในทางที่ดีควรพิจารณาถึงความต้องการในด้านความคุ้มครอง เพื่อให้เบี้ยประกันที่จ่ายไปคุ้มค่ามากที่สุด อีกทั้งจำเป็นต้องตรวจสอบสภาพคล่องทางการเงินว่ามีความสามารถจ่ายเบี้ยประกันไหวไหม เพื่อไม่ให้กระทบกับการเงินของตนเอง
 


ประกันสุขภาพ ที่ไหนดี แนะนำประสุขภาพจากสวัสดีดอทคอม
สำหรับท่านใดที่ยังไม่รู้ว่าจะทำประกันสุขภาพที่ไหนดี แนะนำประสุขภาพจากสวัสดีดอทคอม สามารถเลือกบริษัท ความคุ้มครองและเบี้ยประกันที่ตรงใจ
ประกันสุขภาพ Viriyah Gold by BDMS
    อุ่นใจไร้กังวล ไม่ต้องสำรองจ่าย เมื่อเข้ารักษารพ.ในเครือ BDMS ทั่วไทย*
    คุ้มครองค่ารักษาผู้ป่วยใน เหมาจ่ายสูงสุด 5 ล้านบาทต่อครั้ง
    ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริหาร สูงสุด 15,000 บาทต่อวัน
    ต่ออายุได้ถึง 100 ปี ไม่เคลมมีเงินคืน
    เบี้ยเริ่มต้นเพียง 49 บาท/วัน*
    รับเพิ่มกระเป๋าสะพายมูลค่า 550 บาท* จำนวน 1 ใบ/ กรมธรรม์ เมื่อสมัครเบี้ยประกันสุทธิหลังหักส่วนลด 20,000 – 39,999 บาท หรือ บัตรเติมน้ำมันบางจากมูลค่า 2,000 บาท/กรมธรรม์ เมื่อสมัครเบี้ยประกันสุทธิหลังหักส่วนลด 40,000 บาทขึ้นไป
คลิกเลย ประกันสุขภาพจากสวัสดีดอทคอม

4


โรคเบาหวานเกิดจากอะไร
โรคเบาหวาน เกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป และเกี่ยวข้องกับการทำงานที่ผิดปกติของอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยอินซูลินไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีน้ำตาลสะสมอยู่ในเลือด นานวันเข้าจะเกิดการอุดตันภายในเส้นเลือด นำไปสู่โรคเบาหวานและโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ คลิกทำประกันสุขภาพ

ชนิดของโรคเบาหวาน (แบ่งได้ 4 ชนิด)
1. เบาหวานชนิดที่ 1
เกิดจากร่างกายมีปัญหาในระบบภูมิคุ้มกัน ตับอ่อนไม่สามารถหลั่งอินซูลินได้ อีกทั้งเซลล์ที่ผลิตอินซูลินถูกทำลาย เนื่องจากตับอ่อนสร้างฮอร์โมนอินซูลินขึ้นมา ทำหน้าที่ช่วยนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ของร่างกาย เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน โดยทั่วไปเบาหวานชนิดนี้มักพบในเด็กและผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี
2. เบาหวานชนิดที่ 2
เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุดของโรคเบาหวาน ซึ่งเกิดขึ้นจากร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินอย่างมีประสิทธิภาพหรือสร้างอินซูลินในปริมาณที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดีหรือที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ร่างกายขาดอินซูลินไประยะหนึ่ง ร่างกายจึงต้องผลิตอินซูลินขึ้นมาทดแทน จนทำให้ตับอ่อนทำงานหนัก ดังนั้นตับอ่อนของคนที่เป็นโรคเบาหวาน จึงผลิตอินซูลินไม่ดีเท่าคนปกติทั่วไป โดยสาเหตุหลักๆ ของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นี้ มาจาก พันธุกรรม โรคอ้วน และการละเลยสุขภาพ รวมถึงสภาพแวดล้อม และรูปแบบการดำเนินชีวิตอีกด้วย
3. เบาหวานชนิดที่ 3
เป็นเบาหวานที่มีการวินิจฉัยโรคที่มีสาเหตุออกมาชัดเจน เช่น โรคตับอ่อนอักเสบ ซึ่งมีสาเหตุมาจากสารพิษในตับเยอะจนเกินไป หรือมีการรับประทานยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ รวมถึงความผิดปกติของฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต
4. เบาหวานชนิดที่ 4
เป็นเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ มักพบหลังจากสัปดาห์ที่ 24 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป ส่วนใหญ่เกิดในผู้ที่ไม่มีประวัติเป็นเบาหวานมาก่อน เมื่อคลอดแล้วเบาหวานก็จะหายไป แต่ทางที่ดีควรควบคุมเบาหวานขณะตั้งครรภ์ไว้ก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อแม่และทารก


 
โรคเบาหวาน ประกันสุขภาพคุ้มครองไหม
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หลักการในการคุ้มครองของบริษัทประกัน โดยทั่วไปจะไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าป่วยด้วยโรคอะไรก็ตามบริษัทจะไม่รับประกันเลย ดังนั้นการตัดสินใจทำประกันสุขภาพตั้งแต่อายุน้อยและก่อนที่เราจะเป็นโรคร้ายแรง ก็จะได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ ซึ่งประกันสุขภาพจากสวัสดีดอทคอม มีการให้ความคุ้มครองโรคเบาหวานด้วย โดยเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 11,076 บาทต่อปี* แต่ให้ความคุ้มครองเหมาจ่ายตลอดปีสูงสุด สูงสุด 800,000 บาท* คุ้มครองห้องผู้ป่วยในสูงสุด 6,500 บาทต่อวัน* อีกทั้งยังสามารถต่ออายุได้สูงสุด 100 ปี* แถมไม่เคลมก็ได้เงินคืน หรือถ้าหากมีเคลมก็ไม่ปฏิเสธการต่ออายุ ที่สำคัญลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท* และไม่ต้องสำรองจ่าย* เบี้ยประกันสุขภาพ

สวัสดีดอทคอม เปรียบเทียบเบี้ยประกันสุขภาพ ง่ายๆ ใน 2 วิ
โรคเบาหวานจัดได้ว่าเป็นโรคร้ายแรงที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคแทรกซ้อนต่างๆ มากมาย อย่าให้สายเกินกว่าที่จะรักษา รวมถึงการทำประกันสุขภาพด้วยเช่นกัน การที่ตัดสินใจทำประกันสุขภาพ ตั้งแต่อายุยังน้อยถือว่าจะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองในยามเจ็บป่วยเต็มที่ อีกทั้งในตอนนี้ประกันหลากหลายบริษัทก็ได้มีให้ซื้อประกันสุขภาพออนไลน์ ยิ่งสะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ประกันสุขภาพจากสวัสดีดอทคอม เป็นแพลทฟอร์มที่ตอบโจทย์การซื้อประกันในยุคนี้ เพราะรวบรวมเอาประกันภัยจากบริษัทประกันมากมายไว้ที่นี่

5


สิ่งที่ต้องทำเมื่อขับรถชนครั้งแรก
เมื่อขับรถชนกับอะไรสักอย่างไม่ว่าจะเป็นรถ สิ่งกีดขวาง ทั้งมีและไม่มีคู่กรณี เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนมีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถยนต์อยู่แล้ว ความยุ่งยากต่อจากนั้นคือการไกล่เกลี่ยค่าเสียหายและซ่อมรถ แต่ถ้าเรามี ประกันรถยนต์ เราสามารถให้ตัวแทนมาช่วยเหลือในสถานการณ์นี้ได้ ซึ่งก่อนจะรีบโทรหาประกันเราต้องคำนึงถึงสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเริ่มต้นดังนี้

ตั้งสติและหยุดรถเป็นอันดับแรก
เมื่อรู้ตัวว่าขับรถชนกับอะไรบางอย่าง หรือรู้ตัวว่ารถเราถูกชน ให้หยุดรถเป็นอันดับแรก เพราะในช่วงเวลาที่คับขันแบบนี้เราอาจยังไม่ทันรู้ตัวก็ได้ว่าใครเป็นฝ่ายผิด การขยับรถหรือยิ่งฝืนขับออกจากสถานที่เกิดเหตุอาจทำเรากลายเป็นคนที่ชนแล้วหนีได้ โดยปกติหากเกิดเหตุบนทางหลวงส่วนใหญ่มักมีกล้องวงจรปิด อย่างน้อยการไม่ขยับรถหลังจากเกิดเหตุจะช่วยพิจารณาได้ง่ายว่าใครเป็นฝ่ายผิด โดยเฉพาะในกรณีที่ไกล่เกลี่ยกันไม่ลงตัวภาพจากกล้องวงจรปิดจะช่วยให้พิจารณาง่ายขึ้น

ตั้งสติและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
เมื่อเราขับรถชนเราอาจจะหงุดหงิด โกรธ ประหม่าหรือตื่นกลัวอยู่ หลังจากตั้งสติหยุดรถได้แล้วสิ่งที่ต้องทำถัดมาคือ การประเมินสถานการณ์ว่าเราชนกับอะไร หากไม่มีคู่กรณีก็ดีไป แต่ถ้ามีคู่กรณีเราอาจต้องลงไปพูดคุยไกล่เกลี่ยเบื้องต้น ซึ่งควรพุดคุยชี้แจงเจตนาให้ชัดเจน แต่ถ้าอีกฝ่ายดูท่าแล้วมีอารมณ์ฉุนเฉียวเพื่อเลี่ยงการปะทะ เราควรอยู่ในรถแล้วพยายามคุยไกล่เกลี่ยผ่านกระจกรถก่อนจะดีกว่า ในสถานการณ์ที่มีคนบาดเจ็บ อย่าลังเลที่จะโทรแจ้งสายด่วนอุบัติฉุกเฉิน 1669 เพื่อให้ความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด
อ่านบทความเพิ่มเติม >> เคลมประกันรถยนต์



เปรียบเทียบประกันรถยนต์

โทรแจ้งบริษัทประกันรถยนต์ให้มาช่วยไกล่เกลี่ย
ไม่ว่าจะขับรถรถชนอะไร รถเล็ก รถใหญ่ เสาไฟ หรือ ต้นไม้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณี หากเราตั้งสติได้แล้วเราควรโทรแจ้งบริษัทประกันให้มาช่วยดูสถานการณ์ โดยสามารถโทรแจ้งทันทีหลังจากหยุดรถหรือจะดูสถานการณ์ตรงหน้าให้ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยโทรแจ้งบริษัทประกันก็ได้ หากสถานการณ์มีแนวโน้มโต้เถียงรุนแรงหรือมีโอกาสที่จะทะเลาะกันได้ เราอาจต้องพิจารณาว่าควรโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้มาช่วยไกล่เกลี่ยอีกแรงด้วยหรือไม่ (เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ คลิก)
บริษัทประกันมักจะมีสายด่วนที่คอยบริการลูกค้ายามฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่บริษัทประกันปลายสายอาจขอข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขกรมธรรม์ ชื่อ-นามสกุลของเรา ทะเบียนและยี่ห้อรถ ตำแหน่งที่เกิดเหตุ และอาจขอรายละเอียดของเหตุการณ์เพิ่มเติมแล้วแต่กรณี จากนั้นเจ้าหน้าที่จะประสานให้ตัวแทนบริษัทออกมาช่วยตรวจสอบเหตุการณ์และไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี

รวมรวมเอกสารและหลักฐาน
ระหว่างรอให้ตัวแทนประกันมาช่วยไกล่เกลี่ย ให้รวบเอกสารที่อาจได้ใช้เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ เล่มทะเบียนรถ ถ้ามีกล้องหน้ารถให้ตรวจสอบว่าบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้หรือไม่ และถ่ายภาพจุดที่เกิดอุบัติ ร่องรอยที่รถเราเสียหาย เผื่อได้ใช้ในการจขอเคลมกับบริษัท ประกันรถยนต์

โดยสรุปแล้วนี่ก็เป็นข้อแนะนำที่จะช่วยให้ผ่านปัญหาจากการขับรถชนครั้งแรกได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่าสถานการณ์จริงอาจไม่เหมือนกับเนื้อหาในบทความนี้ แต่จำไว้ว่า “ให้เราตั้งสติและโทรหาประกัน” ไม่ว่าเราจะตื่นกลัวหรือประหม่า ตัวแทนบริษัทประกันจะรีบเข้ามาให้การช่วยเหลือให้เร็วที่ชุด ให้คำแนะนำเราในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ การมีและการต่อประกันรถยนต์ไม่ให้ขาดจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะเราไม่รู้เลยว่าเราอาจโชคร้ายในวันที่ประกันขาดก็ได้
ทำเรื่องประกันให้เป็นเรื่องง่าย ๆ คลิกสวัสดีดอทคอม ประกันรถยนต์แบบผ่อน ให้คุณผ่อนเงินสด 0% นาน 12 เดือน ไม่ง้อบัตรเครดิต
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ประกันออนไลน์ คุ้มครองครบ จบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 5999

6


เมื่อเราซื้อประกันสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นประกันประเภทไหน ก็จะได้รับเอกสารสำคัญอย่างหนึ่งนั่นก็คือ กรมธรรม์ (policy) เอกสารตัวนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยืนยันสิทธิ์ รับรองการคุ้มครองตลอดอายุสัญญาที่เราได้ทำไว้กับบริษัทประกันภัย การอ่านกรมธรรม์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้ตัวแทนประกันจะอธิบายดีแล้วแต่เนื้อหาในกรมธรรม์จะเป็นเนื้อหาอย่างละเอียด ถ้าไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดอาจทำให้เราเสียผลประโยชน์เองได้
กรมธรรม์คืออะไร สำคัญอย่างไร
กรมธรรม์ คือเอกสารสัญญาระหว่างบริษัทประกันภัยและผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้ประกันภัยสามารถเป็นบุคคล หรือนิติบุคคล (บริษัท มูลนิธิ สมาคม ฯลฯ) ถูกใช้เป็นหลักฐานการรับประกันภัยว่า บริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบทางการเงิน หากเกิดเหตุที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง ตัวเอกสารกรมธรรม์จะมีการระบุเงื่อนไขข้อตกลง ความเสี่ยง รายละเอียดความคุ้มครอง ค่าลดหย่อน การยกเว้น จำนวนเงินเอาประกันภัย และค่าเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยต้องจ่าย

กรมธรรม์ ประกันสุขภาพ   health insurance policy 3 ส่วนสำคัญในกรมธรรม์ที่ช่วยให้เข้าใจมากขึ้น
ข้อมูลในเอกสารกรมธรรม์จะระบุรายละเอียดสำคัญหลายอย่างทั้งทางฝั่งบริษัทประกันภัยและข้อมูลของผู้เอาประกันภัย ซึ่งส่วนที่สำคัญสามส่วนที่ไม่ควรมองข้ามมีดังนี้
ส่วนแรกของกรมธรรม์ประกันภัย หรือส่วนสรุปข้อมูล มีข้อมูลรายละเอียดเพื่อให้ผู้เอาประกันเข้าใจข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกรมธรรม์ได้อย่างรวบรัด โดยทั่วไปส่วนสรุปข้อมูลในกรมธรรม์ประกอบด้วยข้อมูลที่สำคัญต่อผู้เอาประกัน มักประกอบไปด้วยรายละเอียดต่อไปนี้
    ประเภทของประกัน เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต
    ข้อมูลส่วนผู้เอาประกันภัย ส่วนนี้จะระบุรายละเอียดส่วนตัวของผู้เอาประกันและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ชื่อ ที่อยู่ วันเกิด ช่องทางการติดต่อ ฯลฯ
    ระยะเวลาคุ้มครอง เนื้อหาระบุระยะเวลาที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ รายละเอียดกรณีมีการต่ออายุกรมธรรม์ และเงื่อนไขการต่ออายุ
    รายละเอียดเบี้ยประกัน เนื้อหาเกี่ยวกับจำนวนเบี้ยประกัน การชำระค่าเบี้ยประกัน ระยะเวลาในการชำระเบี้ย และช่องทางการชำระเงินต่าง ๆ
    สิ่งที่ประกันคุ้มครอง ส่วนนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโรคที่คุ้มครอง อุบัติเหตุที่คุ้มครอง และเงื่อนไขในการเรียกร้องความคุ้มครองที่เกิดขึ้น    เป็นต้น
อ่านบทความเพิ่มเติมคลิก >> กรมธรรม์ประกันสุขภาพ



เปรียบเทียบประกันสุขภาพ

ส่วนผลประโยชน์และการคุ้มครอง
ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราควรศึกษาอย่างละเอียด เพราะเป็นส่วนสำคัญที่สุดเนื้อหาจะเป็นข้อมูลในส่วนผลประโยชน์และความคุ้มครอง มีการแจกแจงรายละเอียดผลประโยชน์ วิธีการเรียกร้องสินไหมทดแทน เงื่อนไขที่บริษัทจะให้คุ้มครองและไม่คุ้มครอง รวมไปถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ในการรับผลประโยชน์หากเกิดเหตุการณ์ที่อยู่ในความคุ้มครอง ในส่วนนี้เราจะทราบว่า เราจะได้รับผลประโยชน์ในเหตุการณ์อะไรบ้าง เป็นจำนวนเท่าไหร่ และต้องใช้เอกสารอะไรบ้างสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ส่วนตารางเบี้ย
ส่วนสุดท้ายของกรมธรรม์ประกันภัย จะเป็นส่วนของตารางเบี้ยหรือตารางมูลค่าเงิน ซึ่งจะเป็นจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเพื่อรับความคุ้มครอง โดยมีการคำนวณจากเพศ อายุ และแผนที่เลือก การจ่ายเงินอาจแบ่งเป็นค่าเบี้ยประกันเป็นรายเดือน 3 เดือน 6 เดือนหรือรายปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข
กรมธรรม์เป็นเอกสารสำคัญที่ระบุรายละเอียดทั้งหมดของความคุ้มครอง มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย ผู้เอาประกันจึงควรอ่านและทำความเข้าใจข้อมูลในกรมธรรม์อย่างละเอียด หากมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาหรือเงื่อนไขการคุ้มครองใด ๆ ควรติดต่อสอบถามกับบริษัทประกันเพื่อความชัดเจน

ทำเรื่องประกันสุขภาพให้เป็นเรื่องง่ายๆ คลิกสวัสดีดอทคอม ประกันสุขภาพออนไลน์ คุ้มครองครบ จบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 599

7
หัวใจ อ่อนแอได้ทุกช่วงวัย เจอโรคร้ายแรงได้ไม่ต่างกัน
หัวใจ อะไหล่ชิ้นสำคัญของร่างกายที่เสื่อมถอยไปตามอายุ เมื่อทำงานไม่ปกติ ก็จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ซึ่งแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ และหลอดเลือด ถึงเฉลี่ยชั่วโมงละ 6 คนเลยทีเดียว ทำให้ โรคหัวใจ มักถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม ประกันโรคร้ายแรง ที่หากเจอก็จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อรักษา แต่หลายคนกลับไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า และจากไปกระทันหัน อย่างที่มักจะได้ยินข่าวคนเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันอยู่บ่อยๆ
มาดูกันว่า การที่หัวใจเราอ่อนแอลง สวนทางกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น จะเจอกับโรคร้ายแรง และเราควรเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร

หัวใจ วัยเยาว์
ในวัยเด็กโรคที่ส่งผลรุนแรงกับหัวใจ ได้แก่ ไข้รูมาติก พบในเด็กอายุ 5-15 ปี เมื่อติดเชื้อจะส่งผลต่อการติดเชื้อในหัวใจ จนลิ้นหัวใจพิการเรียกว่า โรคหัวใจรูมาติกเป็นโรคที่พบเจอได้ง่าย รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต ถึงแม้ว่าจะรักษาหายไปแล้วก็ยังคงต้องติดตามอาการ และพบแพทย์เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นใหม่ อีกโรคที่มีความรุนแรง คือ “โรคคาวาซากิ” แม้ว่าอาการของโรคจะสงบไปได้เอง แต่มีภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่หัวใจ และหลอดเลือดที่หัวใจ ซึ่งอาจโป่งพอง อุดตัน ทำให้หัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงได้ อันตรายถึงชีวิต

หัวใจ วัยทำงาน
ช่วงวัยนี้ หัวใจมักถูกทำร้ายด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งความเครียด กินอาหารคลอเรสเตอรอลสูง สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย เสี่ยงให้เกิดหลอดเลือดแดงตีบแคบ หรืออุดตัน บางคนอายุแค่ 30-35 ปี ก็เป็นโรคหัวใจแล้ว หรือแม้แต่คนที่ร่างกายแข็งแรง เป็นนักกีฬาก็มีความเสี่ยงในการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติได้
 
หัวใจ ชาวสูงวัย
ผู้สูงวัย มาพร้อมกับความเสื่อมถอยของร่างกาย โดยเฉพาะความเสื่อมของหลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ที่เกิดจากไขมัน และเนื้อเยื่อสะสมในผนังของหลอดเลือดหนาตัวขึ้น หลอดเลือดมีการตีบแคบลง ทำให้เลือดซึ่งนำออกซิเจนไหลผ่านได้น้อยลง เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือความเสื่อมตามธรรมชาติ อย่าง โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ มีหินปูนจับที่ลิ้นหัวใจจนลิ้นหัวใจหนาขึ้นและเปิดได้น้อยลง เป็นต้น
ประกันโรคร้ายแรง 48 บียอนด์ ครอบคลุมความคุ้มครอง 75 โรคร้าย เบี้ยไม่แพงเมื่อเทียบกับความคุ้มครอง เหมาะกับผู้ที่มีประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครองไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคร้ายที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก



จุดเด่นแผนประกัน

ครอบคลุมความคุ้มครอง 75 โรคร้าย เบี้ยไม่แพงเมื่อเทียบกับความคุ้มครอง เหมาะกับผู้ที่มีประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครองไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคร้ายที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ตรวจพบโรคร้าย มีเงินก้อนรักษาทันที*
    คุ้มครองตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน ถึงอายุ 85 ปี
    เบี้ยไม่แพง คุ้มครองครอบคลุมสูงถึง 75 โรค/อาการ
รายละเอียดเพิ่มเติม ประกันโรคร้ายแรง หรือโทรหาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ 022328555

8

ออฟฟิศซินโดรม แม้จะได้ชื่อว่าเป็นโรคฮิตของพนักงานออฟฟิศ แต่แท้จริงแล้วใครๆก็เป็นโรคนี้ได้ หากมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยง แน่นอนว่าในกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่ต้องนั่งทำงานในอิริยาบถซ้ำ ๆ ก็จะสะสมจากความเมื่อยล้าจนพัฒนาไปเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้ การทำความเข้าใจอาการและสาเหตุของโรคเพื่อรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการรอให้มีอาการเจ็บป่วยแบบเรื้อรังก่อนค่อยรักษา
ความหมายของออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คือกลุ่มอาการโรคอย่างหนึ่ง ตั้งชื่อตามสภาพการทำงานในออฟฟิศ เนื่องจากมักเกิดกับคนที่มีกิจกรรมประจำวันซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ เป็นประจำและต่อเนื่อง การใช้กล้ามเนื้อลักษณะนี้ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานจนอักเสบซึ่งมักไม่ได้ปวดที่จุดจุดเดียว บริเวณที่กล้ามเนื้ออักเสบบ่อย ๆ ในกลุ่มคนที่เป็นออฟฟิสซินโดรม ได้แก่ คอ ไหล่ บ่า แขน ข้อมือ หลังส่วนบนหรือส่วนล่าง หรือทั้งบนทั้งล่าง อาการปวดเหล่านี้หากไม่รักษาอาจลุกลามกลายเป็นอาการปวดเรื้อรังได้
สาเหตุของออฟฟิศซินโดรมในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ
จากหัวข้อที่แล้ว ออฟฟิศซินโดรมเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อเดิมซ้ำไม่ค่อยเปลี่ยนอิริยาบถร่างกาย ในกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่เป็นออฟฟิศซินโดรมมักเป็นคนที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ไม่ได้ขยับตัวหรือเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย นานวันเข้า กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานซ้ำ ๆ เกิดอาการตึงจนกลายเป็นกล้ามเนื้ออักเสบในที่สุด ดังนั้นด้วยสาเหตุเหล่านี้จึงไม่ได้แปลว่าคนที่ไม่ใช่พนักงานออฟฟิศจะไม่มีโอกาสเป็น ในกลุ่มคนที่ทำอาชีพฟรีแลนซ์ที่นั่งทำงานใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำก็อาจเสี่ยงได้เหมือนกัน

อ่านบทความเพิ่มเติมคลิก >> ออฟฟิศซินโดรม

อาการของออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรมเป็นกลุ่มอาการที่รวมหลาย ๆ แบบที่อาจเกิดขึ้นเอาไว้ ในอิริยาบถการทำงานแบบนั่งหน้าจอคอมทั้งวันนั้นมีการใช้งานกล้ามเนื้ออยู่หลายส่วน เช่น มือ ข้อมือ แขน ไหล่ คอ หลัง ดวงตา เป็นต้น อาการกล้ามเนื้ออักเสบในออฟฟิสซินโดรมจึงอาจเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันหลายอาการ ซึ่งแต่ละอาการของออฟฟิศซินโดรมมีดังนี้
•   ปวดกล้ามเนื้อลำตัวเฉพาะส่วน อาการปวดมักมีปวดเป็นวงกว้าง ไม่สามารถชี้จุดหรือระบุตำแหน่งที่ปวดได้อย่างชัดเจน การปวดลักษณะนี้มักปวดบริเวณ คอ บ่า ไหล่ สะบัก
•   ปวดหัว หรือปวดหัวเรื้อรัง หรือในบางคนอาจมีอาการปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย สาเหตุเกิดจากความเครียดในสภาวะการทำงานและการใช้สายตาจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ หลายชั่วโมงต่อวัน
•   ปวดหลังเรื้อรัง อาการนี้เป็นอาการที่พบบ่อยในคนที่เป็นออฟฟิศซินโดรม
•   ปวดขา กล้ามเนื้อขาตึง หรือเหน็บชา เกิดจากการนั่งนาน ๆ ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นเลือดดำ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ
•   ปวดตา ตาพร่ามัว มีสาเหตุมาจากการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หลายชั่วโมง
•   มือชา นิ้วล็อค ปวดบริเวณข้อมือ สาเหตุมาจากการใช้คอมพิวเตอร์แล้วต้องจับเมาส์ จับคีย์บอร์ดในท่าเดิมนาน ๆ



วิธีป้องกันการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม
    ปรับพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม หมั่นลุกเดินหรือยืดกล้ามเนื้อบ่อย ๆ และปรับท่านั่ง ปรับส่วนสูงของโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะสมหากทำได้ และพักสายตาจากการจ้องจอทำงานอย่างอื่นไปพลาง ๆ เช่น หันไปทำงานเอกสารแทน
    เพิ่มการยืดกล้ามเนื้อ และการออกกำลังกายที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลงไปในโปรแกรมออกกำลังกาย
    หากการปรับพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมการทำงานแล้วยังมีอาการ หรืออาการที่มีอยู่ไม่ดีขึ้น หรืออาการปวดมีความรุนแรงมากขึ้น ควรรีบพบแพทย์ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาออฟฟิศซินโดรมให้เร็วที่สุด ถ้าหากซื้อประกันสุขภาพไว้ ก็สามารถช่วยลดภาระค่ารักษาได้

ประกันสุขภาพคุ้มครองออฟฟิศซินโดรมไหม ?

ออฟฟิศซินโดรมเป็นกลุ่มอาการที่รวมหลาย ๆ อาการการรักษาจะเน้นไปยังอาการนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปวดหัว ไมเกรน ปวดตา ปวดกล้ามเนื้อ แม้การรักษาจะมีหลายแบบแต่ขอยกตัวอย่างการรักษาแบบทำกายภาพบำบัด ซึ่งประกันสุขภาพทั่วไปมักไม่คุ้มครอง เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้เข้าข่ายที่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือไม่ใช่ผู้ป่วยใน (IPD) นั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าประกันสุขภาพจะไม่คุ้มครองเสมอไป สำหรับประกันสุขภาพแบบมีความคุ้มครองกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) บางแผนประกันก็ให้ความคุ้มครองกรณีที่ต้องทำกายภาพบำบัด ซึ่งอาจต้องมีการยืนยันด้วยใบรับรองแพทย์เพื่อเบิกค่ารักษากับบริษัทประกัน

เปรียบเทียบประกันสุขภาพ

การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ เมื่อมีอาการปวดเมื่อยเราก็มักยืดเส้นยืดสายคลายกล้ามเนื้อ แต่หากสงสัยว่าเป็นออฟฟิศซินโดรมแม้จะยังไม่รุนแรง แต่ก็สร้างความรำคาญ และความไม่สบายตัวให้ผู้ที่เป็นโรคได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นแล้วไม่ได้รักษาปล่อยไว้อาจทำให้ออฟฟิศซินโดรมรุนแรง ทรุดหนักลง จนอาจกลายเป็นอาการปวดเรื้อรังได้

ทำเรื่องประกันสุขภาพให้เป็นเรื่องง่ายๆ คลิกสวัสดีดอทคอม ประกันสุขภาพออนไลน์ คุ้มครองครบ จบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 599

9
ขายรถยนต์ / 5 ขั้นตอนเคลมประกันรถยนต์ไม่ยาก
« เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2023, 12:07:16 AM »



การใช้รถยนต์สามารถเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบมีคู่กรณี เช่น การขับรถชนกับรถอีกคน และแบบไม่มีคู่กรณีเช่น ขับรถชนต้นไม้ รถชนเสาไฟฟ้า ถอยชนรั้วบ้าน ชนกระถางต้นไม้ การถูกชนแล้วหนี น้ำท่วมรถ ต้นไม้โค่นทับรถ เป็นต้น ขั้นตอนในการเคลมแต่ละกรณีก็อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
นอกจากนี้การเคลมความคุ้มครองกับบริษัทประกันยังมีการแบ่งออกเป็น 2 ประเภท โดยทั่วไปจะเรียกว่า เคลมสดและเคลมแห้ง ทั้ง 2 แบบต่างกันตรงที่การเคลมสดจะเป็นการเคลมประกัน ณ ที่เกิดเหตุ แต่เคลมแห้งจะเป็นการเคลมประกันหลังจากเกิดเหตุไปแล้วแต่ไม่ควรเกิน 2-3 วัน
ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ ณ ที่เกิดเหตุ หรือ เคลมสด
หากเกิดเหตุแล้วผู้ถือประกันรถยนต์ต้องการเคลมประกันรถยนต์ทันที ณ ที่เกิดเหตุ ปกติแล้วจะต้องให้เจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันเข้ามาประเมินสถานการณ์ ซึ่งสามารถทำตามง่าย ๆ เพียง 5 ขั้นตอนได้แก่
ตั้งสติแล้วโทรแจ้งไปที่ศูนย์ประกัน
เมื่อเกิดเหตุขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำมากที่สุดคือการตั้งสติ และ ประเมินสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยของตัวเองให้พยายามเอาตัวเองหรือเคลื่อนรถไปข้างทางหากทำได้ จากนั้นให้โทรแจ้งไปที่ศูนย์ประกันรถยนต์ โดยต้องแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ปลายสาย ได้แก่ หมายเลขกรมธรรม์ ชื่อ ทะเบียนและยี่ห้อรถ ตำแหน่งที่เกิดเหตุ และ รายละเอียดของเหตุการณ์หรืออาจมีการสอบถามอื่น ๆ เพิ่มเติมแล้วแต่กรณี หลังจากนั้นบริษัทประกันจะมีการประสานตัวแทนจากบริษัทให้ออกมาเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์

อ่านบทความเพิ่มเติม >> เคลมประกันรถยนต์

ระหว่างรอตัวแทนประกัน ให้เตรียมเอกสารไว้
หลังจากติดต่อบริษัทประกันได้แล้วอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งกว่าตัวแทนประกันจะมาถึงที่เกิดเหตุ ระหว่างนี้ให้เตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่อาจได้ใช้สำหรับยื่นเรื่องเคลมความคุ้มครอง เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ เล่มทะเบียนรถ หากมีการบันทึกภาพจากกล้องหน้ารถสามารถเช็กภาพเพื่อดูรายละเอียด หรือถ่ายภาพเก็บหลักฐาน และภาพจุดที่รถเกิดความเสียหายไว้
 


รอเจ้าหน้าที่ประเมินเหตุการณ์
เมื่อเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันมาถึงแล้วจะทำการประเมินเหตุการณ์ หากเหตุการณ์เป็นรถชนแบบที่มีคู่กรณีจะต้องมีการตรวจสอบด้วยว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูกหรือผิด โดยอาจมีการเรียกค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) จากฝ่ายที่ผิดเพื่อเยียวยาคู่กรณีก่อนตามแต่ที่ตกลงไว้กับทางบริษัท แต่หากเหตุการณ์เป็นแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ชนต้นไม้ ชนรั้ว ชนเสาไฟฟ้า กรณีนี้ผู้ขอเคลมประกันจะต้องจ่ายค่า Excess หรือเสียหายส่วนแรกก่อน

เปรียบเทียบประกันรถยนต์

รับใบประเมินความเสียหาย
เมื่อได้ประเมินเหตุการณ์และประเมินความเสียหายแล้วทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันจะออกใบประเมินความเสียหายให้แก่ผู้ถือประกันรถยนต์เพื่อนำรถไปซ่อมที่อู่ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดของใบประเมินความเสียหาย หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเคลมผลประโยชน์ระหว่างซ่อม สามารถสอบถามระละเอียดกับเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง
นำรถและใบประเมินความเสียหายไปซ่อมที่อู่
ขั้นตอนนี้คือการนำรถไปเคลมกับอู่ซ่อมรถในเครือของบริษัทประกัน ( เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ คลิก) โดยจะต้องนำใบประเมินความเสียหายให้ทางอู่ด้วย ระยะเวลาในการซ่อมขึ้นอยู่กับความเสียหายและอู่ซ่อม ระหว่างนี้ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์สามารถติดต่อบริษัทประกันเพื่อขอเคลมผลประโยชน์ระหว่างซ่อมได้ (ถ้ามี) โดยอาจมีการเรียกเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติม เช่น ใบรับรถจากอู่ซ่อม หรือภาพจากอู่ซ่อมรถ แล้วแต่ข้อกำหนดของแต่ละบริษัท
เมื่อเกิดเหตุแต่ละครั้งขอเพียงตั้งสติและติดต่อบริษัทประกันให้เร็วที่สุด เพื่อรับทราบข้อปฏิบัติและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้การดูแลผู้ถือประกันรถยนต์ และรายละเอียดในการเคลมอาจขึ้นอยู่กับความคุ้มครองของแผนประกันและขั้นตอนการบริการของบริษัทประกัน

ทำเรื่องประกันให้เป็นเรื่องง่าย ๆ คลิกสวัสดีดอทคอม ประกันรถยนต์แบบผ่อน ให้คุณผ่อนเงินสด 0% นาน 12 เดือน ไม่ง้อบัตรเครดิต
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ประกันออนไลน์ คุ้มครองครบ จบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 5999

10
สัญลักษณ์ไฟเตือนที่แสดงบนหน้าปัดรถยนต์ล้วนมีความหมายในตัวของมันเอง บางสัญลักษณ์ก็ช่วยให้เราเข้าใจระบบการทำงานของรถ บางสัญลักษณ์ก็กำลังเตือนเรื่องที่ร้ายแรงอยู่
ดังนั้นการทำความเข้าใจเรื่องสัญญาณเตือนบนหน้าปัดให้ดีจึงสำคัญต่อการใช้รถใช้ถนนเช่นเดียวกับการฝึกขับขี่รถยนต์
 


ความหมายสีของสัญลักษณ์บนหน้าปัดรถยนต์
บนหน้าปัดรถยนต์จะมีตำแหน่งที่คอยแสดงสัญลักษณ์สัญญาณไฟ ซึ่งสัญลักษณ์แต่ละรูปจะมีสีที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปจะมีทั้งหมด 3 สี คือ สีแดง สีเหลือง และสีเขียวหรือสีฟ้า
โดยแต่ละสีจะมีความหายที่ใช้บอกผู้ขับรถยนต์แตกต่างกันไปดังนี้

สีแดง
สัญลักษณ์ที่มีสีแดงกำลังบอกถึง “อันตรายขณะใช้รถ” เนื่องจากมีเครื่องยนต์ หรือฟังก์ชันบางอย่างเสียหายหรือใช้งานได้ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นอันตรายถึงขั้นเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายต่อรถ
หรือเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ หากสัญลักษณ์ที่มีแดงแสดงขึ้นบนหน้าปัดรถยนต์ระหว่างขับขี่ ผู้ขับขี่ควรรีบจอดพักรถ แล้วตรวจสอบความความเรียบร้อยตามความหมายที่สัญลักษณ์แจ้งเตือนให้เร็วที่สุด
ดังนั้นสัญลักษณ์สีแดงจึงเป็นเหมือน First call ให้ผู้ขับขี่ตัดสินใจนำรถไปตรวจเช็กที่ศูนย์ฯหรืออู่ซ่อมรถใกล้ตัวก่อนที่จะเกิดความเสียหายต่อรถและขนขับ

สีเหลือง
สัญลักษณ์สีเหลืองกำลังบอกว่าฟังก์ชัน หรือระบบบางอย่างในรถเริ่มมีปัญหา การแจ้งเตือนระดับสีเหลืองจึงเป็นการเตือนว่า “ให้ผู้ขับขี่ระมัดระวังมากขึ้น”
แม้ยังสามารถขับขี่และใช้งานระบบหรือฟังก์ชันนั้น ๆ ได้ในระดับหนึ่ง ผู้ขับขี่ที่ได้รับการแจ้งเตือนสีเหลืองควรหาเวลานำรถยนต์ไปตรวจเช็กกับศูนย์หรืออู่ซ่อมรถเพื่อป้องกันความเสียหายที่รุนแรงมากกว่านี้

สีเขียว หรือสีฟ้า
สัญลักษณ์สีเขียว หรือสีฟ้าในบางรุ่น กำลังบอกผู้ขับขี่ว่า “ระบบหรือฟังก์ชันนั้น ๆ กำลังทำงานอยู่โดยปกติ” สามารถใช้งานต่อไปได้ยังไม่ต้องกังวลมากนัก

เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ที่สวัสดีดอทคอม ง่ายๆ ใน 2 วิ ประกันรถยนต์ผ่อนเงินสด ได้ด้วยนะ คลิกเลย

สัญลักษณ์บนหน้าปัดรถยนต์ที่ควรตระหนักถึงความปลอดภัยไว้ก่อน
จากที่กล่าวไปในข้อที่แล้ว สัญลักษณ์ต่าง ๆ บนหน้าปัดมีระดับการแจ้งเตือนแบ่งเป็นสี 3 สี ในหัวข้อนี้ผู้ขับขี่จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายบนหน้าปัดต่าง ๆ
เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถของตนได้ โดยเฉพาะเมื่อสัญลักษณ์เตือนเป็นสีแดงและสีเหลือง ซึ่งมีสัญลักษณ์โดดเด่นที่ควรทราบดังนี้
 


สัญลักษณ์เตือนเบรกมือ หรือเครื่องหมายตกใจ
สัญลักษณ์รูปเครื่องหมายตกใจนี้จะแสดงก็ต่อเมื่อ ผู้ขับขี่ลืมเอาเบรกมือลงขณะที่รถกำลังถูกขับเคลื่อน แต่หากลดเบรกมือลงแล้วแต่ไฟไม่ดับ แสดงว่าน้ำมันเบรกอาจจะพร่องจนทำให้มีแรงดันไม่เพียงพอ
ในกรณีที่เติมน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่กำหนดแล้วยังมีไฟหน้าปัดรถขึ้นเตือนอยู่ควรรีบนำรถเข้าศูนย์หรืออู่โดยเร็วที่สุด เนื่องจากระบบจ่ายน้ำมันอาจรั่วได้

สัญลักษณ์เตือนรูปแบตเตอรี
สัญลักษณ์รูปแบตเตอรีนี้จะแสดงก็ต่อเมื่อ ระบบไฟฟ้าภายในเครื่องยนต์อาจมีปัญหา อาทิปริมาณไฟฟ้าไม่เพียงพอ หรือระบบชาร์จไฟมีปัญหา
เมื่อสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นสิ่งแรกที่ผู้ขับขี่ควรทำคือการลดการใช้ไฟฟ้าภายในรถ เช่น ปิดแอร์ ปิดวิทยุ และนำรถเข้าตรวจสภาพให้เร็วที่สุดก่อนไฟฟ้าในรถหมดเกลี้ยง

วิธีปฏิบัติเบื้องต้นเมื่อได้รับสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถยนต์
เมื่อได้ไฟสัญญาณเตือนขณะขับขี่โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสีแดงและสีเหลือง เมื่อเข้าใจความหมายแล้วก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด
สัญลักษณ์บางอย่างควรรีบจอดแล้วเรียกช่างมาช่วยดูหรือบางอย่างอาจแก้ปัญหาด้วยตนเองได้เบื้องต้น สิ่งสำคัญคือการมีสติและรับมือกับปัยหาที่เกิดได้อย่างทันท่วงทีก่อน
หากแก้ปัญหาได้ดีก็จะช่วยคลายความกังวลว่ารถจะเกิดความเสียหายรุนแรง หรือเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้

ความบกพร่องของเครื่องยนต์บางครั้งก็เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ได้คาดการณ์ไว้ สวัสดีดอทคอม จึงขอแนะนำให้ผู้ขับขี่รถยนต์หมั่นตรวจเช็กสภาพเป็นประจำ
ยิ่งไปกว่านั้นการมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ดูแลครอบคลุม ตั้งแต่กรณีที่รถยนต์เกิดความเสียหายและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความอุ่นใจให้รถและตัวเรา
ให้สามารถขับขี่บนท้องถนนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

ทำเรื่องประกันรถยนต์ ให้เป็นเรื่องง่ายๆ คลิก สวัสดีดอทคอม เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ผ่อนเงินสด 0% นาน 12 เดือน ไม่ง้อบัตรเครดิต
ฟรี! บัตรของขวัญสูงสุด 1,000 บาท เมื่อซื้อประกันและแชร์ประสบการณ์ผ่าน Facebook *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ประกันรถยนต์ผ่อนเงินสด คุ้มครองครบ จบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 5999

11
ระดับโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ในร่างกายที่เพิ่มขึ้นจะเป็นประโยชน์ให้ร่างกายดูแข็งแรงอ่อนเยาว์ หลายคนจึงหันมาสนใจวิธีการเพิ่มฮอร์โมนชนิดนี้ และที่สำคัญการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนยังสัมพันธ์กับการออกกำลังและดูแลสุขภาพ แน่นอนว่ามีแต่ได้กับได้
 


อ่านบทความฉบับเต็ม : วิธีเพิ่มโกรทฮอร์โมน

รู้จักโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ดีหรือยัง ?
ในกระบวนการเจริญเติบโตของคนทุกคน ล้วนต้องอาศัยองค์ประกอบและการทำงานที่ซับซ้อนของร่างกายซึ่งประกอบไปด้วยฮอร์โมนหลายตัว และโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ก็เป็นหนึ่งในนั้น ฮอร์โมนชนิดนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตในเด็กเป็นอย่างมาก ร่างกายสร้างฮอร์โมนชนิดนี้จากโปรตีนในรูปกรดอะมิโนซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในการสร้าง ผลิตจากต่อมใต้สมอง และส่งเข้าสู่กระแสเลือด โกรทฮอร์โมนเป็นองค์ประกอบในการเสริมสร้างความสูง และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยพัฒนาการทำงานของสมอง ควบคุมปริมาณไขมัน ซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกระดูก
โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ในวัยผู้ใหญ่ และบทบาทของการชะลอวัย
เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่การบวนการเจริญเติบโตจะเริ่มคงที่ ไม่ช่วยให้สูงขึ้นอีกต่อไป แต่โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) จะเป็นส่วนช่วยให้คนทุกวัยหลับสนิทและช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ในขณะเดียวกันได้ ผู้ใหญ่ที่มีปัญหาพักผ่อนน้อยหลับไม่สนิทมักส่งผลให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนได้น้อยลง พอนอนก็หลับได้ไม่สนิท พอตื่นกลางดึกก็จะหลับต่อไม่ได้ คนที่มีปัญหาลักษณะนี้อาจต้องค่อย ๆ ปรับตัวให้สามารถหลับได้สนิทแต่เพียงพอเพื่อให้ร่างกายกลับมาผลิตโกรทฮอร์โมนได้ดีอีกครั้ง

วิธีเพิ่มโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ฉบับได้สุขภาพแลดูอ่อนเยาว์
1. ลดปริมาณไขมันลง
การศึกษาเกี่ยวกับโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ส่วนใหญ่มักบอกว่าไขมันสะสมในร่างกายมากโดยเฉพาะคนที่มีภาวะอ้วนลงพุงเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมน ลดลง และนอกจากเรื่องโกรทฮอร์โมน แล้วคนที่มีภาวะอ้วนลงพุงก็ควรรักษาสุขภาพเพื่อป้องกันโรคและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ด้วย
2. งดหรือลดการบริโภคแป้งและน้ำตาล
การรับประทานอาหารโดยเฉพาะอาหารที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) จำพวกแป้งและน้ำตาล เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ Insulin จะทำให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) น้อยลง หากเราต้องการเพิ่มโกรทฮอร์โมนจึงควรงดน้ำตาล หรือเปลี่ยนไปทานอาหารจำพวกแป้งไม่ขีดสีอย่าง ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท และน้ำตาลทรายแดง นอกจากเรื่องโกรทฮอร์โมนแล้ว แป้งและน้ำตาลเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้อ้วนขึ้นซึ่งก็สัมพันธ์กับการลดการผลิตโกรทฮอร์โมนอยู่ดี

เปรียบเทียบเบี้ยประกันสุขภาพ สวัสดีดอทคอม ค้นหาง่ายๆ ใน 2 วิ คุ้มครองครบ จบที่เดียว

3. การทำ IF หรือ Intermittent Fasting
การทำ IF หรือ Intermittent Fasting เป็นวิธีการกำหนดเวลาทานอาหารและอดอาหาร ซึ่งมักนิยมใช้ในคนที่วางแผนดูแลสุขภาพหรือลดน้ำหนัก และการทำ IF สัมพันธ์กับการผลิตอินซูลินที่น้อยลง และการที่ร่างกายผลิตอินซูลินน้อยลง ก็สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) คนที่ทำ IF จะต้องกำหนดเวลาในการทานและอด ซึ่งร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินมาควบคุมน้ำตาลเฉพาะตอนรับประทานอาหารเท่านั้น เมื่อช่วงเวลาที่รับประทานอาหารถูกกำหนดให้สั้นลงใน 1 วันทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินน้อยลง ทำให้ร่างกายสามารถผลิตโกรทฮอร์โมนได้มากขึ้นหากเทียบกับการทานอาหารหลายมื้อใน 1 วัน
4. การออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง
กระบวนการเมตาบอลิซึมและการเพิ่มของกรดแลคติกในร่างกายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ได้ดีมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงเช่น การยกน้ำหนักแบบที่มีเวลาพักน้อย, การฝึก High-Intensity Intervals Training (HIIT) หรือ Circuit Training การฝึกเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายเพิ่มการเผาผลาญ อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายหนักพบว่าช่วยให้โกรทเพิ่มขึ้นได้ในระยะหนึ่งแต่ระยะยาวร่างกายจะได้ประโยชน์ในแง่ของการปรับปรุงฮอร์โมนอื่น ๆ ในร่างกายและลดไขมันในร่างกาย



5. การนอนให้เหมาะสมและมีคุณภาพ
ช่วงเวลาในการเข้านอนสัมพันธ์กับการผลิตโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) เช่นเดียวกันโดยมีข้อแนะนำว่าควรเข้านอนก่อน 4-5 ทุ่ม เพราะร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนได้ดีช่วงก่อนเที่ยงคืนและช่วงย่ำรุ่ง และที่สำคัญต้องนอนหลับอย่างมีคุณภาพหรือมีช่วงเวลาที่หลับลึกมาก เนื่องจากร่างกายเวลานอนจะมีช่วงหลับลึกและตื้นสลับไปมาตลอดทั้งคืน คนที่สุขภาพไม่ดีหรือใช้งานร่างกายหนักและนอนน้อยมักพบปัญหานอนไม่พอ ร่างกายก็จะผลิตโกรทฮอร์โมนได้น้อย

ทำเรื่องประกันสุขภาพให้เป็นเรื่องง่ายๆ คลิกสวัสดีดอทคอม ผ่อนเงินสด 0% นาน 12 เดือน ไม่ง้อบัตรเครดิต
ประกันสุขภาพ สวัสดีดอทคอม เปรียบเทียบเบี้ยประกันสุขภาพ ค้นหาง่ายๆ ใน 2 วิ คุ้มครองครบ จบที่เดียว
ฟรี! บัตรของขวัญสูงสุด ฿5,000 เมื่อซื้อประกันและแชร์ประสบการณ์ผ่าน Facebook *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ประกันออนไลน์ คุ้มครองครบ จบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 5999

12
 
การที่สุขภาพแย่ลงหรือสุขภาพไม่ดี ไม่ได้หมายความว่าเราอยู่ในสภาพที่เจ็บไข้ได้ป่วยเท่านั้น แต่ร่างกายจะแสดงออกมาในหลากหลายรูปแบบ ทำให้เราอาจคิดไม่ถึงว่าขณะนี้สุขภาพแย่แล้ว ดังนั้นเราจึงควรหันมาใส่ใจกับสัญญาณเตือนจากร่างกายสักหน่อย เพื่อที่จะได้เตือนให้เราแก้ไขได้ทันเวลา โดยอาการที่สามารถสังเกตได้ว่าสุขภาพของเราเริ่มแย่ลง เช่น
    * นอนหลับยากบ่อยๆ หรือนอนไม่หลับต่อเนื่องกันหลายคืน อาการเช่นนี้คล้ายคนเป็นเบาหวาน
    * ผิวพรรณไม่ดีมีริ้วรอย ผิวหยาบกร้าน มักเป็นกระหรือจุดด่างดำง่าย เป็นผดผื่นบ่อย ผมร่วง เพราะร่างกายขาดสารอาหารจำพวกวิตามินอี ขาดไบโอติน
    * ปวดหัวบ่อยๆ การนอนไม่พอก็อาจส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะได้ อย่าได้นิ่งนอนใจควรสังเกตตัวเองว่าปวดบ่อยหรือไม่ มีอาการข้างเคียงอื่นๆ หรือเปล่า เช่น หน้ามืด ตาลาย อาเจียน อาการปวดศีรษะนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคร้ายที่อันตรายถึงชีวิตได้หลายโรค เช่น โรคหลอดเลือดสมองโรคเนื้องอกในสมอง
    * มีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง อาจเป็นโรคตับอักเสบหรือดีซ่าน ต้องรู้จักสังเกตและรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้ทัน
    * ท้องเสียบ่อย หรือท้องผูกบ่อย ระบบขับถ่ายแปรปรวน กินอะไรนิดหน่อยก็ท้องไม่ดี กินอาหารตามปกติแต่ตอนเช้าไม่ขับถ่าย ถ้ามีอาการอย่างนี้บ่อยๆ อย่าคิดว่าธรรมดา เพราะคุณอาจป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้หรือโรคไตได้
    * เบื่ออาหาร อาจเป็นสัญญาณโรคตับ วัณโรค และอาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยไม่สบายได้ เพราะร่างกายอ่อนแอและไม่มีภูมิต้านทาน
    * ปวดหลัง ปวดเอว ปวดต้นคอ อาจมีสาเหตุมาจากการนั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ก็หักโหมกับการทำงานมากเกินไปจนกล้ามเนื้อล้า
    * น้ำหนักเพิ่มหรือลดลงอย่างรวดเร็วผิดปกติสัญญาณนี้อาจบอกถึงโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคต่อมไทรอยด์ โรคเกี่ยวกับไต หรือโรคมะเร็ง
    * เป็นเหน็บชาหรือตะคริวบ่อยๆ อาจขาดวิตามินบี 1 จึงควรกินเต้าหู้ รำข้าว ตับ และข้าวซ้อมมือเป็นประจำ
    * เหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว แสดงว่าไม่ได้เคยออกกำลังกายเลย หรือออกกำลังกายน้อย
    * สีของปัสสาวะเป็นสีเหลืองจัด เป็นไปได้ว่าดื่มน้ำน้อยเกินไป หรืออาจเป็นสัญญาณบอกอาการของโรคดีซ่าน แต่ถ้าสีเหลืองจัดเข้มข้นจนเป็นสีกาแฟแสดงว่ากินยาบางอย่างมากเกินไป หรืออาจเป็นวัณโรคได้
    * ระคายคอ เจ็บคอ หรือไอบ่อยๆ อาจมีปัญหาที่ระบบหายใจ อาจเป็นภูมิแพ้หรือกำลังเป็นหวัด
    * อ่อนเพลียง่าย ไม่มีกำลังวังชา มือไม้สั่น อารมณ์แปรปรวนง่าย อาจเป็นไปได้ว่าต่อมไทรอยด์ผิดปกติ
    * ขี้หลง ขี้ลืม บ่อยๆ สมองและระบบประสาทไม่ดี อาจเพราะขาดสารอาหารบำรุงสมองn Cr: ram-hosp.co.th


ประกันสุขภาพ แผนเอ็กซ์ตร้าแวลู
ประกันโรคมะเร็ง เข้าใจง่าย ครอบคลุมมะเร็งทุกระยะ สูงสุด 1 ล้านบาท ตลอดอายุกรมธรรม์
จุดเด่น
-แผนความคุ้มครองโรคมะเร็งที่หลากหลาย เลือกได้ตามความต้องการ ครอบคลุมโรคมะเร็งทุกระยะ รับผลประโยชน์เป็นเงินก้อน สูงสุด 1 ล้านบาท
-ผลประโยชน์ครอบคลุมมะเร็งผิวหนัง 20% ของจำนวนเงินเอาประกัน
-ไม่จำเป็นต้องซื้อประกันชีวิตก่อน
-เบี้ยประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท
หมายเหตุ :
    รับประกันภัยตั้งแต่อายุ 15 วัน - 55 ปี ต่ออายุได้สูงสุด 65 ปี
    ขายเฉพาะคนไทยเท่านั้น
    ไม่สามารถทำการ upgrade / downgrade ได้
    เงื่อนไขผลประโยชน์สูงสุด ไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อคน
    กรณีที่มีการจ่ายค่าสินไหมสาหรับโรคมะเร็ง (ยกเว้นโรคมะเร็งผิวหนัง) กรมธรรม์จะสิ้นสุดทันที
เงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์ที่ท่านเลือก และผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันทุกครั้ง
รายละเอียดเพิ่มเติม ประกันโรคร้ายแรง หรือโทรหาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ 022328555

13

ทุกวันนี้มักมีข่าวเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บรูปแบบใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้หลายคนตระหนักถึงความสำคัญของประกันสุขภาพมากขึ้น เพราะการมีประกันสุขภาพนั้นถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือ เจ็บป่วยกะทันหันก็ได้รับการเยียวยา คุ้มครอง และ ชดเชย แต่ในทุกวันนี้ประกันสุขภาพในท้องตลาดมีให้เลือกมากมาย แถมแต่ละบริษัทก็เสนอแผนประกันที่โดนใจและคุ้มค่าหลายแห่ง แต่จะทำประกันสุขภาพที่ไหนดี บทความนี้มีคำแนะนำเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ ฉบับแรกมาฝากกัน

ซื้อประกันสุขภาพฉบับแรกต้องเริ่มอย่างไร?
สำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นทำประกันสุขภาพดีๆ โดยจ่ายค่าเบี้ยประกันในราคาที่ไม่สูงมาก แต่ให้ความคุ้มครองครบถ้วนสักกรมธรรม์ มาดูกันว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร
1. เช็กสวัสดิการที่ตนเองมี
สำหรับคนที่ทำงานประจำ โดยปกติทางบริษัทจะมีสวัสดิการเกี่ยวกับประกันสุขภาพให้อยู่แล้ว โดยเงื่อนไขของแต่ละบริษัทก็จะแตกต่างกันออกไป เช่น สิทธิ์ประกันสังคม กองทุนทดแทน หรือประกันกลุ่ม และสิทธิ์บัตรทอง สำหรับผู้ที่ทำงานอิสระ หรือ ฟรีแลนซ์ ซึ่งการเช็คสวัสดิการตรงนี้สามารถทำให้ทราบถึงสิทธิ์ความคุ้มครองที่คุณได้รับ รวมถึงสามารถประเมินได้ว่าความคุ้มครองใดที่ตกหล่นไป และทำให้ทราบถึงสิทธิ์การรักษาที่ต้องการเพิ่มเติมได้
2. คาดการณ์ความคุ้มครองที่ต้องการ
ประกันสุขภาพ มีหลายความคุ้มครองและสิทธิ์การรักษาให้เลือกมากมาย ซึ่งจุดนี้จำเป็นต้องมีการประเมินกับตนเองว่าอยากได้ความคุ้มครองในลักษณะใด โดยอาจจะประเมินจาก ทุนประกัน วงเงินค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยรายได้ การชดเชยค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นต้น เมื่อความต้องการชัดเจน ก็จะทำให้สามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพที่ตรงใจมากที่สุดได้
3. ส่วนต่างระหว่างสวัสดิการและความคุ้มครองที่ต้องการ
มาถึงส่วนที่ต้องคำนวณถึงความคุ้มครองที่ต้องการและสวัสดิการที่มีอยู่ เพื่อให้เห็นถึงส่วนต่างที่เกิดขึ้น ว่าความต้องการสิทธิ์การรักษาสุขภาพของเรายังขาดเหลืออยู่อีกเท่าไหร่ อีกทั้งยังช่วยให้ทราบอีกว่าควรซื้อประกันสุขภาพแผนใดถึงจะตอบโจทย์กับความต้องการ นอกจากนี้ควรคำนวณเผื่อไว้สำหรับภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย



4. ค่าเบี้ยที่จ่ายไหว
หลังจากที่มีแผนประกันในใจและความคุ้มครองที่ต้องการแล้ว ให้นำมาพิจารณาร่วมกับเบี้ยประกันสุขภาพ ที่ต้องจ่ายว่าสามารถชำระไหวหรือไม่ แน่นอนว่าความคุ้มครองที่ครอบคลุมมาก ย่อมมาพร้อมกับเบี้ยประกันที่สูงตามไปด้วย โดยทั่วไปแล้ว เราแนะนำให้คำนวณเบี้ยประกันอยู่ที่ 10% ของรายได้ต่อปี เพื่อที่คุณจะสามารถจ่ายได้โดยที่สภาพคล่องทางการเงินยังคงดำเนินไปได้อย่างราบรื่น รวมถึงสามารถเพิ่มเบี้ยประกันตามความเหมาะสมได้ กรณีที่ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต หรือ วงเงินในกรมธรรม์อาจจะไม่เพียงพอต่อการรักษา
5. เปรียบเทียบแผนประกัน
เมื่อได้ค่าเบี้ยที่เราพอจะจ่ายไหวแล้ว ขั้นต่อไปคือการเปรียบเทียบเพื่อค้นหากรมธรรม์ที่ตรงใจ ตอบโจทย์และคุ้มค่ามากที่สุด โดยเลือกจากประกันแผนเดียวกันของบริษัทไหนจะคุ้มค่าและมีระยะเวลาคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด ซึ่งในขั้นตอนการเปรียบเทียบประกันสุขภาพ นี้ คุณสามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ เพียงแค่เข้าเว็บไซต์ สวัสดีดอทคอม ช่วยให้ค้นหาแผนประกันได้อย่างง่ายดาย ภายใน 2 วินาที ก็จะปรากฏแผนประกันจากบริษัทประกันกว่า 14 แห่ง ครบ จบในที่เดียว
6. ทำความเข้าใจรายละเอียดของกรมธรรม์
ไม่ว่าประกันรูปแบบไหน ล้วนมีข้อมูลและเงื่อนไขที่ค่อนข้างเยอะ การทำความเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดก็เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และลดปัญหาเข้าใจผิดเกี่ยวกับกรมธรรม์ที่ตกลงซื้ออีกด้วย ทั้งนี้สามารถสอบถามกับบริษัทประกันหรือตัวแทนได้เลยหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม
7. อย่าลืมเช็กสิทธิประโยชน์
นอกเหนือจากเบี้ยประกันที่แต่ละบริษัทเสนอให้แล้ว บางบริษัทอาจจะมีดีลหรือโปรโมชั่นพิเศษที่ส่งเสริมการขาย ดึงดูดให้ลูกค้ามาซื้อประกันสุขภาพที่บริษัทของตนเอง เช่น การลดหย่อนภาษี , การผ่อนจ่ายทั้งแบบเงินสดและบัตรเครดิต , หากไม่เคลมก็จะได้ลดค่าเบี้ยในการต่อประกันในรอบถัดไป หรือส่วนลดค่าเบี้ยประกัน เป็นต้น

เลือกประกันสุขภาพที่ใช่ จากสวัสดีดอทคอม
ใครที่กำลังมองหาประกันและไม่รู้ว่าจะซื้อประกันสุขภาพที่ไหนดี ขอแนะนำ ประกันสุขภาพจาก สวัสดีดอทคอม ที่รวมประกันสุขภาพทุกแผนจากบริษัทชั้นนำของประเทศไทยมาไว้ที่นี่ ถึง 14 แห่ง ให้ทุกคนได้เปรียบเทียบแผนประกันที่ตอบโจทย์ ตรงใจ และคุ้มค่ามากที่สุด เบี้ยประกันสบายกระเป๋า เริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,200 บาท แต่ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 700,000 บาท* คุ้มครองค่าห้องผู้ป่วยในสูงสุด 8,000 บาท/วัน* สามารถต่ออายุได้ถึง 100 ปี ไม่ต้องสำรองจ่าย ที่สำคัญยังนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท
การซื้อประกันสุขภาพ ก็เปรียบเสมือนการซื้อสุขภาพให้กับตนเอง เครื่องจักรยังต้องการมีซ่อมบำรุง เช่นเดียวกับร่างกายของเราก็ต้องได้รับการดูแลให้ดี หากเกิดการเจ็บป่วย ต้องได้รับการรักษาที่ดีและปลอดภัย เพราะร่างกายไม่สามารถหาชิ้นส่วนหรืออะไหล่มาทดแทนได้ ในการตัดสินใจทำประกัน จำเป็นต้องมีการอาศัยความเข้าใจในตัวกรมธรรม์ก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะนั่นจะนำมาสู่ความคุ้มครองที่คุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่จ่ายไป


14
ทุกวันนี้สภาพอากาศของประเทศไทยมีความแปรปรวนและคาดเดาไม่ได้เลย แน่นอนว่าเจ้าของรถยนต์คงจะมีความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ในช่วงหน้าฝน เพราะในบางพื้นที่เมื่อเกิดฝนตกติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ก็อาจจะทำให้มีน้ำท่วมขังได้ ในบางพื้นที่เกิดเหตุการณ์น้ำหลาก รวมถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไฟไหม้ หรือแผ่นดินไหว ล้วนนำมาซึ่งความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างมาก ซึ่งการซื้อประกันรถยนต์ ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยกระจายความเสี่ยง วันนี้มาดูกันว่าประกันรถยนต์ชั้นไหนให้การคุ้มครองรถยนต์จากเหตุการณ์ดังกล่าว
ประกันรถยนต์คุ้มครองครอบคลุมกรณีน้ำท่วมและไฟไหม้
การซื้อประกันรถยนต์นั้นช่วยคุ้มครองเรื่องการเฉี่ยวชน แต่นอกจากนั้นยังคุ้มครองจาก น้ำท่วมและรถไฟไหม้อีกด้วย
ประกันรถยนต์ชั้น 1
ไม่ว่าจะกรณีที่น้ำเข้ารถ รถน้ำท่วม น้ำท่วม และรถไฟไหม้ ผู้ที่ถือประกันรถยนต์ชั้น 1 จะได้รับความคุ้มครองทั้งหมดทุกกรณี นอกจากนี้ยังคุ้มครองถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายและชีวิตอีกด้วย ทั้งนี้ต้องได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเหตุที่เกิดจากภัยธรรมชาติและไม่ได้เกิดจากความประมาทของตนเอง
ประกันรถยนต์ชั้น 2+
แน่นอนว่าประกันรถยนต์ชั้น 2+ ก็จะให้ความคุ้มครองที่รองลงมาจากประกันชั้น 1 ซึ่งแผนประกันนี้ เจ้าของรถยนต์นิยมทำกันเยอะ หลังจากหมดสัญญาประกันปีแรก เพราะเบี้ยประกันที่สามารถจ่ายไหว อีกทั้งยังมีความคุ้มครองคล้ายกัน แต่ความคุ้มครองเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ จะคุ้มครองกรณีไฟไหม้รถเท่านั้น ไม่ได้คุ้มครองกรณีน้ำท่วมรถ



ประกันรถยนต์ชั้น 2 (ไม่คุ้มครองน้ำท่วม)
ในกรณีที่รถยนต์ไฟไหม้ ประกันรถยนต์ชั้น 2 จะได้รับความคุ้มครองในส่วนของอุบัติเหตุส่วนบุคคลและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน แต่ไม่สามารถเคลมค่าซ่อมรถยนต์จากเหตุไฟไหม้ดังกล่าวได้ อีกทั้งกรณีน้ำเข้ารถ รถน้ำท่วม น้ำท่วม ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองด้วยเช่นกัน
เปรียบเทียบประกันรถยนต์ออนไลน์ด้วยตัวเองง่ายๆ ภายใน 2 วิ ได้เลยที่ สวัสดีดอทคอม
เงื่อนไขการเคลมประกัน
โดยปกติแล้วบริษัทประกันจะให้การชดเชยในกรณีที่เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ได้เกิดขึ้นจากความประมาทของผู้ขับขี่ หลังจากตรวจสอบแล้วว่ารถยนต์เกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ โดยบริษัทจะชดเชยค่าซ่อมแซมให้ตามที่ตกลงในกรมธรรม์ แต่ถ้ารถยนต์เกิดความเสียหายจากความประมาทของผู้ขับขี่เอง ในกรณีนี้ทางบริษัทจะยกเว้นการชดเชยทั้งหมด

ประกันรถยนต์ จาก สวัสดีดอทคอม
จะเห็นได้ว่าการมีประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก คุณจึงไม่ควรขาดการต่อประกันเมื่อหมดอายุสัญญา โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็สามารถเคลมได้สบายหายห่วง โดยวันนี้ขอแนะนำ ประกันรถยนต์ จาก สวัสดีดอทคอม แพลทฟอร์มที่รวมประกันรถยนต์ทุกแผน ทุกชั้นประกันภัย ที่มีมากกว่า 14 บริษัท ให้ทุกท่านสามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ได้ภายใน 2 วินาที และได้แผนประกันที่ตรงใจ มีตัวเลือกให้ตัดสินใจมากมายตามความต้องการ โดยประกันรถยนต์ชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้นเพียง 7,500 บาท* แต่ให้ทุนประกันสูงสุดถึง 700,000 บาท*
ภัยทางธรรมชาติล้วนสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ เป็นอย่างมาก การที่มีประกันรถยนต์ถือว่าจะช่วยคุ้มครองและรองรับความเสี่ยงให้กับรถยนต์ การพิจารณาถึงความคุ้มครองให้ครอบคลุมเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องควรคำนึง เพราะรถยนต์ก็คือทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง หากเกิดชำรุดเสียหายแล้วไม่สามารถเคลมได้ นั่นส่งผลกระทบถึงเจ้าของรถโดยตรง ดังนั้นซื้อประยนต์รถยนต์ให้ครอบคลุมทุกความคุ้มครอง ช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้เป็นเท่าตัว

15
หลักของการมีสุขภาพดีสามารถแบ่งได้ 3 หลัก คือ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ โดยเฉพาะเด็ก ซึ่งต้องปลูกฝังให้เด็กๆมีการเรียนรู้เรื่องการกินอย่างเหมาะสม หมั่นออกกำลังกายและเรียนรู้ที่จะจัดการอารมณ์ตนเอง
               เรื่องของอาหารสำหรับเด็กแบ่งออกเป็น 3 วัย คือ 1.วันแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี เป็นวัยที่ร่างกายจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีความต้องการสารอาหารมากกว่าวัยอื่น โดยเฉพาะทารกที่ควรได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่จนถึง 6 เดือน และหลังจากนั้นจึงเริ่มให้อาหารตามวัยควบคู่กับนมแม่ไปจนถึง 2 ปี ต่อมาสำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี เป็นวัยที่มีการเคลื่อนไหวและการเล่นมากขึ้น ต้องการพลังงานวันละ 1,000-3,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน และควรได้รับอาหารหลักครบ 3 มื้อ และเด็กอายุ 6-12 ปี ซึ่งกิจกรรมหลักคือการเรียน จำเป็นต้องเน้นอาหารที่ให้พลังงาน โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุ เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้จดจำ ทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
               เรื่องการออกกำลังกายก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญเพราะการเคลื่อนไหวของร่างกายจะช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นและพัฒนาการทางสมอง การทำให้เด็กสนใจการออกกำลังกาย ต้องทำให้เด็กรู้สึกเหมือนกับการเล่นและเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของเด็ก โดยควรให้เด็กมีกิจกรรมทางกายในระดับปานกลาง - หนัก อย่างน้อยวันละ 60 นาที รวม 5 วันต่อสัปดาห์
               การปลูกฝังให้ลูกเป็นคนที่มีอารมณ์ที่มั่นคง รับมือกับความเครียดได้ อยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ ต้องได้รับการดูแลจากพ่อแม่ตั้งแต่แบเบาะ เด็กแต่ละช่วงวัยตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงอายุ 12 ปี จะมีพฤติกรรมนิสัยที่แตกต่างกัน เช่น เด็กในวัย 2-3 ปี จะมีพฤติกรรมเลียนแบบ ต้องการทำทุกอย่างด้วยตนเอง มีจินตนาการมากขึ้น ส่วนเด็กในวัย 5-6 ปี มักจะเลือกสิ่งต่างๆได้ และเลือกคุยเฉพาะกับคนที่คุ้นเคย เริ่มรู้จักการแบ่งปัน สลับกับการเล่น เข้าใจว่าอะไรผิดถูก หรือเด็กวัย 7-12ปี ที่ส่วนมากใช้ชีวิตที่โรงเรียน มักได้รับอิทธิพลมาจากครูและเพื่อน เรียนรู้การทำกิจกรรมและกฎเกณฑ์ต่างๆ การได้รับการยอมรับจะมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพและความเชื่อมันในตัวเองCr:สสส



ประกันสุขภาพ แผนแมกซ์แคร์
ดูแลตัวคุณเองและครอบครัวด้วยประกันสุขภาพ ที่คุ้มครองทั้งจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยสูงสุด 5 ล้านบาท รวมถึงการรักษาพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายสูง
จุดเด่นแผนประกัน
-คุ้มครองสูงสุด 5 ล้านบาท
-ค่าห้องสูงสุด 12,000 บาท คุ้มครอง 365 วัน
-คุ้มครองเพิ่มเติมค่าใช้จ่ายอีก 80% สำหรับส่วนเกินค่ารักษาผู้ป่วยใน
-การันตีต่ออายุตลอดชีพ*
-เลือกซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยนอก สูติกรรมหรืออุบัติเหตุเพิ่มเติมได้
-ไม่ต้องสำรองจ่าย กับสถานพยาบาลในเครือข่ายกว่า 490 แห่งทั่วประเทศ**
-ไม่ต้องซื้อพ่วงประกันชีวิต
-ไม่เคลมมีคืน
-รับคำแนะนำด้านสุขภาพจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านบริการวีเฮลท์****
หมายเหตุ:
*หากผู้ขอเอาประกันภัยสมัครและทำประกันก่อนอายุ 60 ปีบริบรูณ์ และมีการต่ออายุกรมธรรม์อย่างต่อเนื่อง จะได้รับสิทธิ์ในการต่ออายุกรมธรรม์ตลอดชีพ แต่หากผู้ขอเอาประกันภัย สมัคร และทำประกันหลัง อายุ 60 ปีบริบูรณ์จะได้รับสิทธิ์ในการต่ออายุกรมธรรม์จนถึงอายุ 80 ปี
**ท่านอาจต้องสำรองจ่าย ในกรณีที่บริษัทต้องตรวจสอบสภาพที่เป็นมาก่อนการเอาประกันภัย
***เฉพาะผู้ให้บริการการแพทย์ทางไกล(Telemedicine) ภายในเครือข่ายของบริษัทเท่านั้น โดยติดต่อใช้บริการได้ที่ 02 677 0999
ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง และเมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว โปรดศึกษารายละเอียดข้อกำหนด และเงื่อนไขในกรมธรรม์ คลิกดูแผนประกันสุขภาพเด็ก

หน้า: [1] 2 3
ติดต่อผู้ดูแลเว็บ หรือ สนใจลงโฆษณา โทร ๐๘๖๒๒๒๐๐๕๕

อีเบย์ อุดรธานี ร่ม รับนำเข้าสินค้าจากจีน power bank กระบอกน้ำ ของพรีเมี่ยม แฟลชไดร์ฟ plc mitsubishi ปากกา taobao เฟอร์นิเจอร์ แหวนเพชร servo motor mitsubishi