แม้ว่าฤดูฝนในประเทศไทยจะเริ่มตั้งแต่กลางพฤษภาคมจนถึงปลายตุลาคม แต่ด้วยความแปรปรวนของภูมิอากาศรวมทั้งอิทธิพลจากลมมรสุมต่าง ๆ ทำให้บ้านรามีฝนตกหนักบ้างเบาบ้างแทบจะตลอดทั้งปี เมื่อฟ้าฝนเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้การเผชิญหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญซึ่งหากต้อง ขับรถตอนที่ฝนตกหนักควรปฏิบัติอย่างไรให้ปลอดภัยมาเช็คกัน

1. ไม่ควรขับรถเร็ว เนื่องจากขณะฝนตกหนักจะทำให้การมองเห็นลดลง พบว่าใน 10 นาทีแรกนั้น ฝนตกถนนลื่น ไถลมากที่สุดเพราะน้ำฝนไปชะล้างคราบดินบนพื้นถนนทำให้ดินมีลักษณะคล้ายโคลนจึงลื่น
2.ช่วงที่ ฝนตกถนนลื่น กว่าปกติ จึงควรขับรถทิ้งระยะห่างจากคันหน้าเพิ่มกว่าเดิมอีกประมาณ 10 - 15 เมตร การแตะเบรกเพื่อชะลอรถควรทำอย่างระมัดระวังเพราะหากเบรกกะทันหันอาจจะทำให้รถเสียหลักได้ เมื่อรถลื่นไถลหรือเหินน้ำห้ามเหยียบเบรก แก้ปัญหาด้วยการถอนคันเร่งเพื่อลดความเร็วแล้วใช้เกียร์ต่ำจนกว่าจะทรงตัวได้ จากนั้นจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
3. หาก ขับรถฝนตกหนัก  ควรเปิดทั้งไฟหน้า-ไฟหลังรวมทั้งไฟตัดหมอกเพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นว่ามีรถขับอยู่ ทั้งยังช่วยให้คนขับรถมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนขึ้นด้วย   
4. เมื่อ ขับรถฝนตกหนัก จนถนนเกิดน้ำท่วมขัง ควรหยุดรถเพื่อประเมินระดับของน้ำเสียก่อน หากจำเป็นต้องลุยควรปิดแอร์ ใช้เกียร์ต่ำ แล้วเลือกขับผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขังน้อยสุด
5.จอดรถที่ปั้มหรือบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอหากฝนตกหนักจนมองไม่เห็นทาง แต่ถ้าต้องจอดบริเวณไหล่ทางควรเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน

        นอกจากเทคนิคง่าย ๆ ในการ ขับรถตอนฝนตกหนัก ให้ปลอดภัยแล้ว การเตรียมรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญซึ่งละเลยไม่ได้ ไม่ว่าจะรับมือกับสภาวะ ขับรถฝนตกหนัก หรือเช็ครถยนต์ก่อนเดินทางไกล มีสิ่งที่ควรใส่ใจเหมือนกันนั่นคือ “ยางรถยนต์” เนื่องจากยางรถทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักรถหรือน้ำหนักบรรทุก ทำงานร่วมกับพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนทิศทางการขับขี่ ช่วยลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนจากพื้นถนน รวมทั้งยังเป็นตัวกลางในการหยุดและเคลื่อนที่ของรถด้วย   

เช็ครถก่อนเดินทางไกล เช็คยางอย่างไรให้ปลอดภัยในหน้าฝน

- ใช้มือลูบเบา ๆ บริเวณพื้นผิวยางเพื่อสำรวจหาความผิดปกติซึ่งยางต้องไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่บวม ไม่มีรอยแตก
- ดอกยางควรมีร่องลึกไม่น้อยกว่า 3 - 4 มิลลิเมตร หากดอกยางโล้นหรือร่องยางตื้นจะรีดน้ำได้น้อยลงและลื่นไถลได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องเจอกับสภาพถนนเปียก สำหรับรถที่ใช้งานบนถนนพื้นเรียบควรเลือกใช้ดอกยางละเอียดเนื่องจากมีคุณสมบัติในการรีดน้ำออกได้รวดเร็วและมีเสียงรบกวนน้อย 
- เติมลมยางตามเกณฑ์ของรถแต่ละรุ่น ในช่วงหน้าฝนเติมให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2 - 3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็งจะได้มีกำลังในการรีดน้ำเพิ่มขึ้น
- ตรวจเช็คยางอะไหล่ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้เปลี่ยนใช้งานได้ทันที

การขับรถหน้าฝนจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะนอกจากทัศนวิสัยจะแย่แล้วถนนยังลื่นกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นหากพบว่ายางรถสึกหรอหรือชำรุดควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่จะปลอดภัยกว่า Bridgestone มี ยางรถยนต์ คุณภาพดีมาตรฐานสากลให้เลือกมากมาย ครอบคลุมทุกประเภทรถและสไตล์การขับขี่ พร้อมบริการหลังการขายที่ให้คุณอุ่นใจด้วยการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.

       แม้ว่าฤดูฝนในประเทศไทยจะเริ่มตั้งแต่กลางพฤษภาคมจนถึงปลายตุลาคม แต่ด้วยความแปรปรวนของภูมิอากาศรวมทั้งอิทธิพลจากลมมรสุมต่าง ๆ ทำให้บ้านรามีฝนตกหนักบ้างเบาบ้างแทบจะตลอดทั้งปี เมื่อฟ้าฝนเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้การเผชิญหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญซึ่งหากต้อง ขับรถตอนที่ฝนตกหนักควรปฏิบัติอย่างไรให้ปลอดภัยมาเช็คกัน

1. ไม่ควรขับรถเร็ว เนื่องจากขณะฝนตกหนักจะทำให้การมองเห็นลดลง พบว่าใน 10 นาทีแรกนั้น ฝนตกถนนลื่น ไถลมากที่สุดเพราะน้ำฝนไปชะล้างคราบดินบนพื้นถนนทำให้ดินมีลักษณะคล้ายโคลนจึงลื่น
2.ช่วงที่ ฝนตกถนนลื่น กว่าปกติ จึงควรขับรถทิ้งระยะห่างจากคันหน้าเพิ่มกว่าเดิมอีกประมาณ 10 - 15 เมตร การแตะเบรกเพื่อชะลอรถควรทำอย่างระมัดระวังเพราะหากเบรกกะทันหันอาจจะทำให้รถเสียหลักได้ เมื่อรถลื่นไถลหรือเหินน้ำห้ามเหยียบเบรก แก้ปัญหาด้วยการถอนคันเร่งเพื่อลดความเร็วแล้วใช้เกียร์ต่ำจนกว่าจะทรงตัวได้ จากนั้นจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
3. หาก ขับรถฝนตกหนัก  ควรเปิดทั้งไฟหน้า-ไฟหลังรวมทั้งไฟตัดหมอกเพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นว่ามีรถขับอยู่ ทั้งยังช่วยให้คนขับรถมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนขึ้นด้วย   
4. เมื่อ ขับรถฝนตกหนัก จนถนนเกิดน้ำท่วมขัง ควรหยุดรถเพื่อประเมินระดับของน้ำเสียก่อน หากจำเป็นต้องลุยควรปิดแอร์ ใช้เกียร์ต่ำ แล้วเลือกขับผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขังน้อยสุด
5.จอดรถที่ปั้มหรือบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอหากฝนตกหนักจนมองไม่เห็นทาง แต่ถ้าต้องจอดบริเวณไหล่ทางควรเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน

        นอกจากเทคนิคง่าย ๆ ในการ ขับรถตอนฝนตกหนัก ให้ปลอดภัยแล้ว การเตรียมรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญซึ่งละเลยไม่ได้ ไม่ว่าจะรับมือกับสภาวะ ขับรถฝนตกหนัก หรือเช็ครถยนต์ก่อนเดินทางไกล มีสิ่งที่ควรใส่ใจเหมือนกันนั่นคือ “ยางรถยนต์” เนื่องจากยางรถทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักรถหรือน้ำหนักบรรทุก ทำงานร่วมกับพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนทิศทางการขับขี่ ช่วยลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนจากพื้นถนน รวมทั้งยังเป็นตัวกลางในการหยุดและเคลื่อนที่ของรถด้วย   

เช็ครถก่อนเดินทางไกล เช็คยางอย่างไรให้ปลอดภัยในหน้าฝน

- ใช้มือลูบเบา ๆ บริเวณพื้นผิวยางเพื่อสำรวจหาความผิดปกติซึ่งยางต้องไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่บวม ไม่มีรอยแตก
- ดอกยางควรมีร่องลึกไม่น้อยกว่า 3 - 4 มิลลิเมตร หากดอกยางโล้นหรือร่องยางตื้นจะรีดน้ำได้น้อยลงและลื่นไถลได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องเจอกับสภาพถนนเปียก สำหรับรถที่ใช้งานบนถนนพื้นเรียบควรเลือกใช้ดอกยางละเอียดเนื่องจากมีคุณสมบัติในการรีดน้ำออกได้รวดเร็วและมีเสียงรบกวนน้อย 
- เติมลมยางตามเกณฑ์ของรถแต่ละรุ่น ในช่วงหน้าฝนเติมให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2 - 3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็งจะได้มีกำลังในการรีดน้ำเพิ่มขึ้น
- ตรวจเช็คยางอะไหล่ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้เปลี่ยนใช้งานได้ทันที

การขับรถหน้าฝนจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะนอกจากทัศนวิสัยจะแย่แล้วถนนยังลื่นกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นหากพบว่ายางรถสึกหรอหรือชำรุดควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่จะปลอดภัยกว่า Bridgestone มี ยางรถยนต์ คุณภาพดีมาตรฐานสากลให้เลือกมากมาย ครอบคลุมทุกประเภทรถและสไตล์การขับขี่ พร้อมบริการหลังการขายที่ให้คุณอุ่นใจด้วยการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.