[Thesun]พระกรรมฐานพ่อแม่ครูอาจารย์และพระเกจิอาจารย์ทั่วไป(อ่าน 647661 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

1399.ขอเปิดพระบูชาหายากสายกรรมฐานอีกองค์หนึ่ง พระบูชารุ่นแรกหลวงพ่อสายรุ้ง วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ปี32 หลวงพ่อวิชัย เขมิโย ปลุกเสกตลอดไตรมาส  และยังได้ขอบารมีองค์หลวงพ่อสายรุ้ง
ตลอดไตรมาสในถ้ำ หายาก สร้างน้อย พระสองถอด หน้าตักองค์พระ 3 นิ้ว ฐาน 4 นิ้ว องค์นี้หมายเลข 49 จากคำบอกเล่าจากศิษย์สายตรงจัดสร้างเพียง 60 องค์เท่านั้น ของแบบนี้ไม่ได้ออกมาให้เห็นบ่อย หรือแทบไม่มีออกมาให้เก็บ
เลยครับ ลูกศิษย์เก็บบูชาตามบ้านเรือนหมด
เปิดบูชา 5,700

หลวงพ่อสายรุ้ง วัดถ้ำผาจม พระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์มาก และเป็นพระคู่บารมีหลวงพ่อวิชัย
ครูบาอาจารย์หลวงพ่อวิชัยท่านแนะนำว่า ให้ขอพรเรื่องงาน และเรื่องค้าขาย จะสำเร็จ ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก



















ขอจองครับ



1400.รูปหล่อโบราณรุ่นแรก ครูบาเจ้าดวงดี วัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง  จ.เชียงใหม่ ปี07 ใต้ฐานอุดผงพุทธคุณ บรรจุเกศา หายาก วัตถุมงคลยอดนิยมของครูบาเจ้าดวงดี
มีในรายการประกวดพระเครื่องสายเหนือเสมอๆ
เปิดบูชา 1,800 แบบนี้อยู่สายตรงต้องมีสองพันกว่าขึ้นครับ
ปิดท่านศิวิไล99 ทางไลน์ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 18, 2021, 01:56:43 PM โดย thesun »



1401.เหรียญรุ่น3 กลมเล็กหลังยันต์นะ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม. ปี2512 เนื้อทองแดงผิวไฟ วัตถุมงคลหลวงปู่โต๊ะพุทธคุณครอบจักรวาล และมีราคาเช่าหาทุกรุ่นครับ
 เปิดบูชาแบ่งปัน 2,700- สวยๆผิวไฟแดงๆต้องมี 5พันบาทขึ้นครับ

เหรียญรุ่น 3 นี้จัดสร้างขึ้นในปี 2512 มีด้วยกัน 3 พิมพ์ด้วยกันคือ พิมพ์กลมใหญ่ หรือเหรียญจิ๊กโก๋ใหญ่, พิมพ์กลมกลางหลังยันต์ดวง และพิมพ์กลมเล็กหลังยันต์นะ
เหรียญกลมเล็ก เนื้อทองแดงจำนวนสร้างเพียง 10,000 เหรียญเท่านั้น ในขณะที่เหรียญกลมใหญ่ซึ่งเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมสูงสุดของรุ่นนี้ราคาอยู่ประมาณหลายๆ หมื่น
แต่กลมเล็กยังมีราคาเบา พิธีเดียวกัน แต่ราคาเบากว่ากันเยอะเก็บก่อนจะแพงไปกว่านี้นะครับ
















1402.เหรียญรุ่นแรกพระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ วัดป่าวังน้ำเย็น จ.มหาสารคาม ปี52 เหรียญสุดยอดประสบการณ์ ทหารทางใต้และตำรวจ ต่างมีประสบการณ์ แคล้วคลาด
 นิยมในพื้นที่และหมู่ศิษย์มาก สวยๆผิวรุ้ง
เปิดบูชา 1500-

พระอาจารย์สุริยันต์ ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ และเป็นเกจิอาจารย์แถวหน้าของจังหวัดมหาสารคามในเวลานี้ ลูกศิษย์ลูกหาท่านมากมาย





พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ เป็นศิษย์เอก หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ สืบทอดปฏิปทาและวิทยาคมจากหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม พระเกจิชื่อดังของภาคอีสาน
ปัจจุบันพระอาจารย์สุริยันต์ ปัจจุบันสิริอายุ 41 ปี พรรษา 21  ในปี 2556 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบูรพาเทพนิมิต อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และเจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำเย็น ตำบลเกิ้ง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
แม้ พระอาจารย์สุริยันต์ จะมีอายุและพรรษาน้อย แต่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มุ่งวิปัสสนากัมมัฏฐาน นอกจากเป็นพระเกจิแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาอีกด้วย ในเวลาเพียง 4 ปี
วัดป่าวังน้ำเย็นแห่งนี้ มีถาวรวัตถุ ที่ใช้ปฏิบัติศาสนกิจมากมาย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาที่สำคัญของจังหวัดมหาสารคาม




สำหรับวัตถุมงคลของพระอาจารย์สุริยันต์ คณะศิษยานุศิษย์ รวมทั้งญาติโยมผู้เคารพศรัทธา ได้ร่วมใจกันจัดสร้างเพื่อบูชาครูและรำลึกถึงคุณงามความดีของท่าน คือ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกของท่าน จัดสร้างขึ้นเมื่อต้นปี 2552
 เป็นเนื้อทองแดงชนิดเดียว ลักษณะเป็นเหรียญมีห่วง รูปทรงคล้ายพัดยศยกขอบ

ด้านหน้าเหรียญมีรูปเหมือนพระอาจารย์ สุริยันต์ครึ่งองค์ ที่คอคล้องลูกประคำ บริเวณหน้าอกด้านซ้ายมีเลข ๙ และจากบริเวณด้านขวาของเหรียญโค้งลงไปด้านล่างวนขึ้นไปทางด้านขวาเขียนว่า "พระอาจารย์สุริยันต์ โฆษปญฺโญ วัดป่าวังน้ำเย็น อ.เมือง จ.มหาสารคาม" และใต้ตัวอักษรเขียนว่า รุ่น ๑

ด้านหลังเหรียญเป็นยันต์มหาปรารถนา อ่านว่า "โน เย นะ เย โน ชิ นะ ยา ชิ มา นิ ทิ ปะ สิ วะ ภา ทิ ปะ สิ" เป็นยันต์ที่มีพุทธคุณครอบคลุมทุกด้าน

สำหรับพิธีพุทธาภิเษก พระอาจารย์สุริยันต์ได้อธิษฐานจิตนานถึง 1 พรรษา จากนั้นได้นำเหรียญทั้งหมดไปให้หลวงปู่เฉย วัดสระเกษ อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสานอธิษฐานจิตซ้ำอีกครั้ง และยังได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่อีกที่สนามโรงเรียนสารคามพิทยาคม ซึ่งมีพระเกจิชื่อดังของภาคอีสานร่วมพิธีมากมาย อาทิ หลวงปู่คำบุ จ.อุบลราชธานี, หลวงปู่หนูอินทร์ กิตฺติสาโร จ.กาฬ สินธุ์, หลวงปู่เหรียญชัย มหาปัญโญ จ.อุดรธานี, หลวงปู่เฉย ญาณธโร จ.ขอนแก่น เป็นต้น

ภายหลังเสร็จพิธีได้นำออกให้ญาติโยมเช่าบูชาเหรียญละ 99 บาท รายได้สมทบทุนก่อสร้างสาธารณูปโภคสาธารณูปการภายในวัดป่าวังน้ำเย็น
เหรียญพระอาจารย์สุริยันต์ นับเป็นเหรียญดีอีกเหรียญหนึ่งของจังหวัด มหาสารคามที่มีอนาคตไกล เนื่องจากได้รับการพุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง
 ขณะนี้ราคาเช่าหายังอยู่หลักพันต้นๆเท่านั้น








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2021, 12:43:49 AM โดย thesun »



1403.เหรียญพระกสิณหลวงพ่อพัฒน์ นารทะ วัดใหม่พัฒนาราม จ.สุราษฎ์ธานี ปี05 ถือเป็นเหรียญรุ่น2 ของหลวงพ่อ เหรียญพระกสิณรุ่นแรกที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพัฒน์ ได้สร้างขึ้นในปี 2477
เป็นเหรียญยอดนิยมแดนใต้  ราคาหลักหมื่นปลายถึงแสน เหรียญพระกสิณรุ่น2แม้จะไม่ทันทันเสกแต่ได้สุดยอดพระเกจิแดนใต้สมัยนั้นอธิษฐานจิต พุทธคุณไม่ธรรมดาทีเดียวครับ

เปิดบูชา 1500-


หลวงพ่อพัฒน์ นารทะ วัดใหม่พัฒนาราม จ.สุราษฎ์ธานี

พระเถราจารย์ยุคเก่าแห่งเมืองปักษ์ใต้ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้มากด้วยอิทธิคุณและบุญฤทธิ์ ทั้งเป็นพระเถระผู้เจนจบในพระเวทย์พุทธาคม เป็นพระภิกษุผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบที่ชาวสุราษฎร์ธานีให้ความเคารพ
เลื่อมใสศรัทธามายาวนานอีกรูปหนึ่ง

หลวงพ่อพัฒน์ มรณภาพในท่านั่งสมาธิ และกาลเวลาผ่านไปหลายสิบปี แต่ปรากฏว่าสังขารท่านไม่เน่าเปื่อย ยังคงเก็บรักษาให้ผู้เคารพศรัทธากราบไหว้ตราบจนวันนี้






เหรียญรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นเหรียญรุ่น2ของท่าน ออกปี2505 แม้จะไม่ทันหลวงพ่อพัฒน์ปลุกเสก แต่ก็ได้รับการปลุกเสกโดยพระคณาจารย์
ที่มีชื่อเสียงลูกศิษย์ท่าน หลายรูปอาทิ..หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา และอีกหลายท่าน ร่วมกันปลุกเสกอย่างเต็มที่
เหรียญรุ่นนี้ได้สร้างปาฏิหารย์และสร้างประสบการณ์ แก่ผู้ครอบครองมากมาย....
หลวงพ่อพัฒน์ท่านเป็นที่รู้จักของคนในวงการเป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์ของเหรียญกสิณของท่าน เรื่องแคล้วคลาด. ป้องกันภูตผี. เมตตามหานิยม.


















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 15, 2021, 04:32:48 PM โดย thesun »



1404.ล็อกเก็ต มหาเศรษฐี หลวงปู่ธรรมรังษี  วัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ จัดสร้าง ทั้งหมด 700องค์ แบบพิเศษหลังอุดผงพุทธคุณฝังพระซุ้มกอ
จัดสร้างเพียง100องค์
เปิดบูชา 900


ผู้จัดสร้างถวาย : คุณกาญจวรรณ เจ้าของโรงสีข้าว
อำเภอปราสาท จังหวัดสุริทร์ เป็นผู้จัดสร้างถวายหลวงปู่
(ผู้ซื้อรถแบนซ์ป้ายแดง ถวายให้หลวงปู่ธรรมรังษี)



ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีสมณะศักดิ์สูง อพยพมาจากประเทศกัมพูชาเมื่อปี ๒๕๒๖
มาปลูกกระท่อมปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดร้าง"พระพุทธบาทเขาพนมดิน"
เจ้าคณะอำเภอท่าตูมเลื่อมใสวัตรปฏิบัติของท่าน จึงได้ขอพระราชท่านสมณะศักดิ์ที่ พระครูธรรมรังษี
โดยเล่ากันว่า เมื่อท่านเจ้าคณะอำเภอท่าตูมมองมาที่กุฏิของหลวงปู่ที่จำวัดครั้งใดก็เห็น
เป็นแสงรังษีพุ่งมาจากกระท่อมกุฏิของท่านที่พักอาศัยอยู่ทุกครั้งไป และเพียงชั่วระยะเวลา ๑๐ ปี
ลป.ธรรมรังษี ท่านได้พัฒนาวัดร้าง ขึ้นเป็นวัดที่สง่างามอีกวัดหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์
เมื่อตอนที่ท่านยังไม่ได้รับเลื่อนสมณะศักดิ์ ชาวบ้านเรียกท่านว่า หลวงปู่วัดเขาดิน
หลังจากที่ท่านได้เลื่อนสมณะศักดิ์แล้วจึงเรียกท่านว่า" หลวงปู่ธรรมรังษี"

ในด้านอานุภาพของวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่ฯ เช่น...

..สำแดงอภินิหารในพระอุโบสถวัดพระพุทธบาท เขาดิน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
โดยครู ส.ป.อ. ท่าตูมยืนยันว่า ตื่นเต้นเหมือนดูหนังผี ประตูและหน้าต่างพระอุโบสถซึ่งลั่นดานไว้อย่างแน่นหนา (มีครูเฝ้าของภายใน)
มีลมกรรโชกอย่างแรงจนประตูและหน้าต่างพระอุโบสถเปิด ไฟฟ้าดับ ๆ เปิด ๆ มีทั้งฝูงนก และฝูงค้างคาวบินเข้ามา
เมื่อเหตุการณ์สงบลงกรรมการ ที่เฝ้าของในโบสถ์เปิดโบสถ์ในตอนเช้าได้มีผีเสื้อนับหมื่นๆตัวบิน ทักษิณาวัตรอบโบสถ์ ฯลฯ











1400.รูปหล่อโบราณรุ่นแรก ครูบาเจ้าดวงดี วัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง  จ.เชียงใหม่ ปี07 ใต้ฐานอุดผงพุทธคุณ บรรจุเกศา หายาก วัตถุมงคลยอดนิยมของครูบาเจ้าดวงดี
มีในรายการประกวดพระเครื่องสายเหนือเสมอๆ
เปิดบูชา 1,800 แบบนี้อยู่สายตรงต้องมีสองพันกว่าขึ้นครับ













ปิดท่านศิวิไล99 ทางไลน์ครับ



1405.พระบูชาไพรีพินาศ ญสส. สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ ประธานอนุญาติให้ การประปาบางเขน จัดสร้าง ปี2535 เนื้อโลหะรมดำ หน้าตัก 5 นิ้ว ฐาน 7 นิ้ว
สมเด็จพระญาณสังวร เป็นประธานเททองหล่อพระ และ อธิษฐานจิต ด้วยพระองค์เอง ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร  สร้างน้อยครับ นิยมในสายวัดบวร 
เปิดบูชา 5700-
ปิดท่านj999ครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 19, 2021, 05:44:17 PM โดย thesun »



1405.พระบูชาไพรีพินาศ ญสส. สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ ประธานอนุญาติให้ การประปาบางเขน จัดสร้าง ปี2535 เนื้อโลหะรมดำ หน้าตัก 5 นิ้ว ฐาน 7 นิ้ว
สมเด็จพระญาณสังวร เป็นประธานเททองหล่อพระ และ อธิษฐานจิต ด้วยพระองค์เอง ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร  สร้างน้อยครับ นิยมในสายวัดบวร 
เปิดบูชา 5700-










ขอจองครับ



1406.พระบูชา หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่  จัดสร้างโดย มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ(ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร) ปี2536 ขนาด 5 นิ้ว สูง 7.5นิ้ว หมายเลข 65 ผิวหิ้งๆ เจ้าของเดิมปิดทองบูชาอยู่ สวยๆเหมือนหลวงพ่อมากครับรุ่นนี้
และเป็นบูชาที่นิยมรุ่นนึงของหลวงพ่อคูณ
เปิดบูชา 4,000- ปิดท่าน j999ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 19, 2021, 05:44:05 PM โดย thesun »



1407.รูปหล่อโบราณรุ่นแรก หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี จ.ร้อยเอ็ด ปี18 เนื้อทองเหลืองรมดำ หายากไม่ค่อยออกมาให้เห็น วัตถุมงคลหลวงปู่ทองมาประสบการณ์แคล้วคลาด
มากครับ  นิยมในหมู่ลูกศิษย์ และนักสะสมพระเครื่อง เหรียญรุ่นแรกท่านหลายๆหมื่นแล้วครับ รูปหล่อยังไม่แพงมากตามเก็บได้ครับ 

เปิดบูชาแบ่งปัน 3000-  อยู่กับสายตรงแพงกว่านี้แน่นอนครับ




หลวงปู่ทองมา วัดสว่างฯ จังหวัดร้อยเอ็ด ก็มี "พระเด็ด" ไม่แพ้จังหวัดไหน ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่องหรือพระเกจิอาจารย์ รับประกันได้ในความเก่ง เช่น "หลวงปู่ทองมา ถาโร"
อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างท่าสี ต.ท่าม่วง อ.เสลภูมิ ซึ่งได้รับสมญานามว่า "หลวงพ่อหมอยาเทวดา"

          ครั้งยังมีชีวิตท่านดังมากในเรื่อง "น้ำมนต์" มีความศักดิ์สิทธิ์ชนิด ที่ว่า เสกล้างหน้าเป็นสิริมงคล เสกน้ำมนต์แก้เสนียดจัญไรภัยพิบัตินานาทั้งปวง แก้ถูกกระทำย่ำยี ปราบผีสางนางไม้ ช่วยให้คลอดบุตรง่าย ฯลฯ และที่ขึ้นชื่อลือชาคือ การรักษาคนบ้าวิกลจริตหายเป็นปลิดทิ้ง

          กิตติศัพท์ของหลวงปู่ทองมาดังสะท้านฟ้าภาคอีสาน เป็นผู้ที่แตกฉานในคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จนเชื่อว่าท่านบรรลุธรรมชั้นสูง สามารถบังคับอำนาจทางจิตได้อย่างฉับพลัน เป็นพระนักสร้างสรรค์พัฒนาทั้งพระศาสนาและผู้คนจนเกิดกระแสศรัทธาเลื่อมใสในวงกว้าง ศิษย์ที่เป็นบรรพชิตรูปหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงก็คือ หลวงพ่อล้อม สีลสังวโร วัดป่าเมตตาธรรม

          ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ 8 ส.ค. 2443 ณ บ้านท่าสี อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด บุตรของนายแกนท้าว และนางหา นามสกุลภูมิวัล เป็นลูกคนที่สอง ในจำนวนพี่น้อง 8 คน (ชาย 4 หญิง 4) เมื่ออายุ 15 ปี ได้บวชเณรที่วัดบ้านงิ้วโพธิ์ มีพระอาจารย์คำ เป็นอุปัชฌาย์ แล้วย้ายมาอยู่วัดป่าน้อย ในเมืองอุบลราชธานี

          อายุ 20 ปีได้กลับมาอุปสมบทที่วัดท่าม่วง เมื่อปีพ.ศ.2460 มี พระอาจารย์สีลา เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สุบิน และพระอาจารย์ไค เป็นพระคู่สวด จากนั้นย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเมืองกลาง (จำปาสัก) เมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว เพื่อศึกษาอักษรขอม และวิทยาคมต่างๆ กับท่านอาจารย์มหาทา ซึ่งกำลังมีชื่อเสียงในด้านเมตตามหานิยม วิชาอาคมต่างๆ

          อยู่วัดเมืองกลาง 5 พรรษาก็กราบลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปเพียงรูปเดียว โดยจาริกไปตามป่าดงพงไพรและถ้ำผา ซึ่งยังเต็มไปด้วยศัตรูหมู่สัตว์ร้ายนานาชนิด อยู่ที่ละหนึ่งเดือนบ้าง สองเดือนบ้าง จะไปเฉพาะสถานที่สำคัญซึ่งล้วนแต่มีความศักดิ์สิทธิ์

          ตลอดเวลาที่ท่านคลุกคลีอยู่กับป่าเขาลำเนาไพรนานหลาย 10 ปี ท่านมีวิริยะ อุตสาหะ ฝึกฝนจิตอย่างเอาจริงเอาจังและเคร่งครัด ยากจะ มีพระภิกษุในยุคนี้ทำได้เหมือน ทั้งแบบโยคะและสมถวิปัสสนา ฉันเอกา (มื้อเดียว) เป็นประจำ นิยมฉันผลไม้เหมือนกับฤๅษีชีไพร จนมีตบะ แก่กล้า บรรลุผลสำเร็จทางจิตใจตามที่ท่านได้ตั้งใจและมุ่งหวังแต่แรก

          นอกจากนี้ ในขณะเที่ยวจาริกธุดงค์ ได้ใช้เวลาศึกษาสมุนไพรและวิจัยวิจารณ์รากไม้นานาพันธุ์อย่างละเอียดละออตามแบบแผนโบราณจนมีความเชี่ยวชาญสามารถพิเศษ นำมาทดลองรักษาคนป่วยไข้ได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง โดยวาระสุดท้ายของชีวิตละสังขารลงเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2534 สิริอายุ 91 ปี พรรษา 71













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 19, 2021, 01:53:23 PM โดย thesun »



1406.พระบูชา หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่  จัดสร้างโดย มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ(ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร) ปี2536 ขนาด 5 นิ้ว สูง 7.5นิ้ว หมายเลข 65 ผิวหิ้งๆ เจ้าของเดิมปิดทองบูชาอยู่ สวยๆเหมือนหลวงพ่อมากครับรุ่นนี้
และเป็นบูชาที่นิยมรุ่นนึงของหลวงพ่อคูณ
เปิดบูชา 4,000-














ขอจองครับ



1408.เปิดของหายาก พระปิดตารุ่นแรก ปิดตา สุชีโว หลวงปู่ใช่ สุชีโว วัดปาลิไลยวัน(วัดเขาฉลาก) ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ปี25 มวลสารผงปิดตาหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์
,ผงเก่าหลวงปู่เฮี้ยง วัดป่า และผงเก่าสายวัดอ่างศิลา หายากสร้างน้อยมากๆๆ วัตถุมงคลหลวงพ่อสร้างน้อยมากศิษย์รู้ดี หลุดออกมาให้บูชาน้อยมากๆ ด้วยเพราะไม่ใช่จริตในหลวงพ่อแต่ก็เมตตาให้ลูกศิษย์จัดสร้าง เป็นเครื่องระลึก
นิยมเล่นหามากในหมู่ลูกศิษย์สายเมืองชล และ สายพระป่าครับ 
เปิดบูชา 1,700- สายตรงเมืองชลบุรีรู้ดีและบูชาแพงกว่านี้ครับ
ปิดท่านj999 ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2021, 10:32:16 AM โดย thesun »



1408.เปิดของหายาก พระปิดตารุ่นแรก ปิดตา สุชีโว หลวงปู่ใช่ สุชีโว วัดปาลิไลยวัน(วัดเขาฉลาก) ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ปี25 มวลสารผงปิดตาหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์
,ผงเก่าหลวงปู่เฮี้ยง วัดป่า และผงเก่าสายวัดอ่างศิลา หายากสร้างน้อยมากๆๆ วัตถุมงคลหลวงพ่อสร้างน้อยมากศิษย์รู้ดี หลุดออกมาให้บูชาน้อยมากๆ ด้วยเพราะไม่ใช่จริตในหลวงพ่อแต่ก็เมตตาให้ลูกศิษย์จัดสร้าง เป็นเครื่องระลึก
นิยมเล่นหามากในหมู่ลูกศิษย์สายเมืองชล และ สายพระป่าครับ 
เปิดบูชา 1,700- สายตรงเมืองชลบุรีรู้ดีและบูชาแพงกว่านี้ครับ

หลวงปู่ใช่ สุชีโว “พระอริยเจ้าผู้ทรงคุณจากทิศบูรพาแห่งวัดป่าลิไลยวัน (วัดเขาฉลาก) ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี” พระครูวิสุทธิสังวร (หลวงปู่ใช่ สุชีโว)
เป็นพระเถระฝ่ายวิปัสสนาธุระรูปหนึ่งที่ทรงปฏิปทาสมแก่คำว่า “พุทธบุตร” อย่างแท้จริง ท่านได้ดำเนินตามปฏิปทาที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงวางไว้สู่ความหลุดพ้นด้วยความตั้งใจยิ่ง
จนสำเร็จประโยชน์ตน แล้วมาเกื้อกูลประโยชน์แก่โลกนี้ต่อไป


ปฏิปทาของท่านเป็นที่ยอมรับในบรรดาพระเถระฝ่ายวิปัสสนาธุระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายรูปด้วยกัน อาทิ  พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี),
พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน), พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) เป็นต้น ตลอดจนเป็นที่เคารพนับถือของศิษยานุศิษย์ทั้งฝ่ายบรรพชิตและ
ฆราวาสอย่างสนิทใจ




หลวงพ่อชา และ หลวงพ่อใช่




หลวงพ่อใช่ สุชีโว วัดเขาฉลาก ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ท่านเป็นศิษย์ในอุปัชฌาย์ของ พระครูสุนทรธรรมรส หรือท่านเจ้าคุณศรี วัดอ่างศิลา เมื่อบวชแล้วท่านศรัทธาวัตรปฏิบัติของพระป่าจึงจะเดินทางไป ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อาจาย์ใหญ่สายพระกัมมัฏฐานแต่ได้ทราบข่าวการมรณภาพของหลวงปู่มั่นเสียก่อน

ภายหลังท่านได้รับหนังสือมุตโตทัย บันทึกพระธรรมเทศนาหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต โดยท่านเจ้าคุณวิริยังค์ เมื่อท่านอ่านจบลงก็เกิดปิติเป็นอย่างมาก ที่หลักธรรมขององค์หลวงปู่ตรงกับหลักธรรมที่ท่านรู้จากการปฏิบัติ ท่านได้ห่มจีวรและก้มลงกราบหนังสืออันเป็นสมมุติแทนองค์หลวงปู่ พร้อมกับขอมอบถวายตัวเป็นลูกศิษย์อีกด้วย

ในคืนนั้นเองท่านได้ฝันว่า หลวงปู่มั่นกำลังเดินบิณฑบาตบริเวณหมู่บ้านชายเขาฉลาก มีอุบาสกตามหลังมาหนึ่งคน พร้อมกับอีกเส้นทางที่ขนานกัน ก็เป็นหลวงพ่อสาลี วัดเขาวัง จ.ราชบุรี กำลังบิณฑบาตและมีอุบาสกตามหลังหนึ่งคนด้วยเช่นกัน ในระหว่างที่บิณฑบาตอยู่ หลวงปู่มั่นได้บอกโยมที่ใส่บาตรว่า พรรษานี้ท่านจะมาจำพรรษาที่เขาฉลาก

๏ ศึกษาธรรมกับหลวงพ่อสาลี

ในช่วงแรกๆ ของการตั้งวัดเขาฉลาก หลวงพ่อได้ศึกษาข้อปฏิบัติเพิ่มเติมจาก พระครูพรหมสมาจาร (หลวงพ่อสาลี ธมฺมสโร) วัดเขาวัง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เภา วัดเขาวงกฎ จ.ลพบุรี หลวงพ่อได้เล่าถึงการเจอกับหลวงพ่อสาลีครั้งแรกไว้ว่า

“ที่อ่างศิลา ท่านเที่ยวธุดงค์มา ผมไปพบท่านที่อ่างศิลา (บริเวณวัดโกมุทรัตนารามในปัจจุบัน) เรื่องราวยาวยืด ผมปรารถนากับท่านองค์นี้ว่าผมจะขอเป็นลูกศิษย์ท่าน พบท่านตั้งแต่สมัยผมอยู่ในเมือง นั่งรถจะไปกรุงเทพฯ ท่านมาจากอ่างศิลา จะกลับเขาวัง พอดีท่านนั่งรถคันเดียวกับผม ผมก็จับตามองเรื่อย ท่านนั่งข้างๆ ผมก็นั่งข้างๆ จับตาดู แหม น่าเลื่อมใส บุคลิกก็ดี อัธยาศัยความสำรวมระวังของท่าน เงียบ

ผมก็เลื่อมใสท่าน ตั้งปณิธานปรารถนาไว้ว่า ผมจะหาโอกาสมาค้นดูที่กรุงเทพฯ ท่านลงที่ราชประสงค์ ลงรถก็จะจอดฝั่งซ้ายใช่ไหมท่าน ผมไปหาก็เถอะไม่มีทางเจอหรอก ท่านอยู่วัดมะกอกนั้น วัดอภัยทายาราม โรงพยาบาลพระมงกุฎนั้น

ท่านลงตรงสี่แยกราชประสงค์ นั่งรถจากสี่แยกราชประสงค์ไปพญาไท ผมก็กะจะหาแถวนี้ แถวราชประสงค์วัดต่างๆ ถ้าเจอ ผมจะยอมมอบตัวเป็นศิษย์ ถ้าหากเป็นธรรมยุต ขอมอบตัวเป็นศิษย์ ถ้าหากไม่ยอมจะให้ญัตติ ผมก็จะญัตติถึงขนาดนั้น จิตใจมันเลื่อมใสแล้ว...”

หลวงพ่อสาลีนั้น นอกจากท่านจะเคร่งครัดในพระวินัยอย่างหาที่ติไม่ได้แล้ว ปฏิปทาในด้านต่างๆ เช่น การต้อนรับแขก การแสดงธรรม การตัดสินปัญหา และการบริหารหมู่คณะของท่าน ก็ดูงดงามเปี่ยมด้วยลักษณะของบัณฑิต ทั้งท่านเป็นพระที่พูดน้อย พูดเฉพาะถ้อยคำที่เป็นอรรถเป็นธรรมจริงๆ

การอยู่ใกล้ชิดกับหลวงพ่อสาลี ทำให้หลวงพ่อได้รับความรู้ความเห็น ทั้งในด้านพระธรรมวินัยและสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับหลวงพ่อเป็นผู้มีความอ่อนน้อมและมุ่งมั่นต่อการประพฤติปฏิบัติอย่างแท้จริง ทำให้ท่านได้รับความรักใคร่และสนับสนุนจากจากหลวงพ่อสาลีอย่างเต็มที่

ขณะที่อยู่เขาวัง ท่านได้มีโอกาสติดตามหลวงพ่อสาลีไปในที่ต่างๆ อยู่เสมอ ครั้งหนึ่งท่านได้ติดตามหลวงพ่อสาลีไปที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบ่อน้ำลึกมากที่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้

วันหนึ่ง เด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นน้องชายของพระในวัด ได้วิ่งพลาดตกลงไปในบ่อร้างนั้น พวกเด็กๆ จึงไปบอกพระพี่ชายของเด็กนั้น พอพระพี่ชายมาเห็นน้องชายชักดิ้นชักงออยู่ก้นบ่อ ท่านก็กระโดดลงไปในบ่อ หวังช่วยน้องชาย แต่กว่าพระเณรและชาวบ้านจะช่วยกันนำร่างขึ้นจากบ่อได้ ทั้งสองก็ได้สิ้นชีวิตเสียแล้ว

“ก็บ่อลึกอย่างนั้น จะเอาอากาศที่ไหนเล่ามาหายใจ” หลวงพ่อสาลีเล่าเรื่องจบพร้อมกับหันมาพูดกับหลวงพ่อว่า “นี่แหละ คนโง่เขารักกันอย่างนี้”

นอกจากนี้ ในบางครั้ง หลวงพ่อสาลีได้เดินทางมาพักที่เขาฉลากเป็นเวลาหลายวัน และหลวงพ่อก็ได้ไปมาหาสู่หลวงพ่อสาลีมิได้ขาด แม้ภายหลังหลวงพ่อสาลีท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่ท่านก็จะไปกราบทำวัตรอยู่เป็นประจำทุกปี หลวงพ่อเรียกขานนามหลวงพ่อสาลีด้วยความเคารพว่า “หลวงพ่อใหญ่เขาวัง”

๏ ใต้ร่มเงาแห่งธรรม ณ วัดป่าบ้านตาด

หลวงพ่อได้พบกับ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) เป็นครั้งแรกที่วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. องค์หลวงตาได้ทักหลวงพ่อว่า “สีจีวรท่านเหมือนพ่อแม่ครูจารย์มั่นเลย” หลวงพ่อได้กราบเรียนว่า จำสีจีวรหลวงปู่มั่นมาจากความฝัน และได้เล่าเรื่องที่ท่านเคยฝันเห็นหลวงปู่มั่นให้องค์หลวงตาฟัง

องค์หลวงตาท่านจึงว่า “นี่แสดงว่าท่านมีนิสัยกับองค์ท่านอยู่ จึงได้มีนิมิตให้เห็นอย่างนั้น” แล้วองค์หลวงตาได้ซักถามประวัติหลวงพ่อต่อไป

“ใครเป็นอาจารย์กัมมัฏฐานของท่าน”

“อาจารย์ถวิล ขอรับ”

“อาจารย์ถวิลเป็นลูกศิษย์ใคร”

“อาจารย์เกิ่ง ขอรับ”

“อาจารย์เกิ่งเป็นคนจังหวัดอะไร”

“จังหวัดสกลนครขอรับ”

พอถามเท่านี้ องค์หลวงตาก็รู้ว่าเป็นพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก ศิษย์รุ่นอาวุโสของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

ต่อมาท่านได้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมกับองค์หลวงตาที่วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งในช่วงนั้นมีครูบาอาจารย์อยู่ที่นั้นมาก รวมทั้ง พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร เนื่องจากในสายปฏิบัติมีกฎอยู่ข้อหนึ่งว่า ถ้าพระอาคันตุกะมาขออยู่ด้วย หากยังไม่คุ้นเคยในข้อวัตรปฏิบัติของกันและกันแล้ว แม้พระอาคันตุกะจะมีพรรษามากก็ตาม ต้องนั่งต่อท้ายพระผู้มีพรรษาน้อยที่สุดในสำนักนั้น จนกว่าครูบาอาจารย์เห็นสมควร จึงนั่งตามลำดับพรรษาได้ ดังนั้นในช่วงแรก หลวงพ่อได้ถูกจัดให้นั่งอาสนะสุดท้ายเพื่อศึกษาข้อปฏิบัติก่อน หลังจากที่หลวงพ่อได้มีโอกาสสนทนาธรรมและรับอุบายจากองค์หลวงตา วันรุ่งขึ้น พระลูกวัดก็มาจัดบาตรและอาสนะของหลวงพ่อให้นั่งติดกับองค์หลวงตา เป็นรูปที่สองรองจากองค์หลวงตาตามลำดับพรรษา หลวงพ่อบอกกับพระรูปนั้นว่า ให้ท่านนั่งที่เก่าก็ดีอยู่แล้ว พระรูปนั้นได้ตอบไปว่า ทำตามคำสั่งขององค์หลวงตา นับเป็นความเมตตาอย่างยิ่งขององค์หลวงตา แม้ในภายหลัง หลวงพ่อมักกล่าวสรรเสริญองค์หลวงตาให้คณะศิษย์ฟังเสมอ

ครั้นได้อยู่ศึกษาธรรมและข้อปฏิบัติจากองค์หลวงตาเป็นเวลาพอสมควร หลวงพ่อได้กราบลาองค์หลวงตากลับชลบุรี พร้อมกันนั้นได้นิมนต์องค์หลวงตาแวะเยี่ยมวัดเขาฉลาก ซึ่งท่านรับที่จะมา หากได้โอกาสอันเหมาะสม และในกาลต่อมา องค์หลวงตาได้เมตตาแวะมาเยี่ยมวัดเขาฉลาก ตามคำนิมนต์ ยังความปิติแก่หลวงพ่อและคณะวัดเขาฉลากยิ่งนัก


๏ สายสัมพันธ์หนองป่าพง

ช่วงบ่ายวันหนึ่ง หลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ได้มากิจธุระทางจังหวัดชลบุรี และได้แวะเยี่ยมวัดเขาฉลาก หลังจากทักทายปราศรัยกันแล้ว จึงได้ทราบว่า หลวงพ่อชาอายุมากกว่าหลวงพ่อหนึ่งปี ด้านพรรษาก็ต่างกันหนึ่งพรรษาเช่นกัน

ช่วงหนึ่งของการสนทนา หลวงพ่อชาได้ถามหลวงพ่อว่า ศึกษาด้านข้อปฏิบัติและพระธรรมวินัยจากสำนักไหน หลวงพ่อได้ตอบว่า ศึกษามาจากหลวงพ่อสาลี วัดเขาวัง จ.ราชบุรี ผู้เป็นศิษย์หลวงปู่เภา วัดเขาวงกฎ จ.ลพบุรี หลวงพ่อชายิ้มและอุทานว่า “งั้นเราก็เค้าเดียวกัน ผมก็ศึกษามาจากวัดเขาวงกฎเหมือนกัน” หลวงพ่อได้เล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อชาไว้ตอนหนึ่งว่า

“...เป็นวาสนาของเรากับหลวงพ่อชา เกิดจากต้นตอเดียวกัน สำนักปฏิบัติสายหลวงพ่อเภาเหมือนกัน เราก็เลยสบาย อาจารย์ทวีจะให้ผมไปเป็นสาขา ไปช่วยติดต่อหลวงพ่อชาให้รับเขาฉลากเป็นสาขา พอท่านทราบจากผมว่า ผมเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่เภา ท่านว่าไม่ได้ ให้เป็นสาขาไม่ได้ ต้องร่วมกัน ท่านว่าอย่างนี้ มันระดับเดียวกัน...”

จากสายสัมพันธ์ครูบาอาจารย์ พระเณรทั้งสองสำนักจึงมีการไปมาหาสู่ ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติร่วมกัน อาทิเช่น พระอาจารย์ผัส จารุธมฺโม เจ้าอาวาสวัดหนองเลง สาขาวัดปาลิไลยวัน (วัดเขาฉลาก) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

◎ สุปฏิปันโนแห่งหุบเขาฉลาก
กาลเวลาที่ผ่านมาได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นพระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของหลวงพ่อ แม้ว่าจะลำบากสักเพียงใด ท่านก็ยังมั่นคงในข้อวัตรปฏิบัติเสมอมา กระทั่งในช่วงวัยชรา หากท่านไม่ติดธุระที่จำเป็นหรือเจ็บป่วยจริงๆ ท่านจะเดินบิณฑบาตโปรดญาติโยมทุกเช้า ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต ท่านเคยอบรมเสมอว่า “การบิณฑบาตนั้น เป็นนิสัยของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอริยเจ้าทั้งหลาย ฉะนั้น พวกเราที่เข้ามาบวชในพระธรรมวินัยของพระองค์ท่าน ต้องดำเนินตามนิสัยของท่าน เว้นแต่มีเหตุขัดข้องจริงๆ”

หลวงพ่อใช่ สุชีโว เป็นพระที่สันโดษ ไม่แสวงหาลาภยศสรรเสริญ ได้เคยมีลูกศิษย์บางคนติดตั้งเครื่องปรับอากาศถวายหลวงพ่อ ท่านได้ฉลองศรัทธาเจ้าภาพเพียงคืนเดียว แล้วท่านก็ไม่ใช้อีกเลย ท่านไม่เรี่ยไรใครและไม่อนุญาตให้ตั้งตู้บริจาคภายในวัด ท่านกล่าวว่า ถ้าใครศรัทธาเขาบริจาคเอง กุศลจะเกิดกับตัวเขาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย


หลวงพ่อใช่ สุชีโว ท่านละสังขารไปด้วยอาการอันสงบในเวลาประมาณ ๐๕.๕๙ น. ของเช้าวันศุกร์ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๘ สิริอายุ ๗๖ พรรษา ๕๓

งานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารของหลวงพ่อใช่ สุชีโว ตรงกับวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๙ โดยมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) เสด็จทรงเป็นองค์ประธาน ณ เมรุชั่วคราว วัดปาลิไลยวัน (วัดเขาฉลาก) ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

แม้ธาตุขันธ์ของหลวงพ่อจะแตกสลายไปตามกฎของธรรมชาติแล้วก็ตาม แต่ความดีทั้งหลายที่ท่านได้กระทำบำเพ็ญไว้ จะยังคงเป็นอนุสรณ์ถึงท่าน และเป็นคติแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป

หลวงปู่ใช่ สุชีโว ได้ศึกษาธรรมและข้อปฏิบัติจากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร และหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ขณะเดินธุดงค์มาพักที่วัดเขาฉลาก รวมทั้งได้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมกับหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ทั้งนี้ หลวงปู่ใช่ยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี แลกเปลี่ยนและศึกษาธรรมะกันเรื่อยมา คุณธรรมประการหนึ่งที่เป็นลักษณะเด่นของหลวงปู่ใช่ คือ ความเมตตา ทั้งในหมู่ศิษยานุศิษย์และบุคคลทั่วไปอย่างทั่วถึงกัน

ลิขิตธรรมหลวงพ่อใช่ สุชีโว
“..พระหลงใหลยศศักดิ์ผิดหลักพระ ต้องมุ่งละทุกข์โทษโลภโกรธหลง
จึงจะชอบระบอบบุตรพุทธองค์ พระถ้าหลงลาภยศก็หมดงาม..”

“..เยือกเย็นเหมือนดั่งน้ำฝน อดทนเหมือนดั่งผาหิน..”

“..ถึงบอกให้ก็ไม่รู้หรอก มันเหมือนนกที่อยากรู้เรื่องของปลาในน้ำ ถึงปลาบอกความจริงว่า อยู่ในน้ำเป็นอย่างไร นกก็ไม่มีทางจะรู้ได้ ตราบใดที่นกยังไม่เป็นปลา..”

คัดลอกจาก โครงการหนังสือบูรพาจารย์ วัดป่าอัมพโรปัญญาวนาราม จ.ชลบุรี – วัดป่าดานวิเวก จ.บึงกาฬ เพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทาน









ขอจองครับ



1409.เปิดพระบูชาเก็บเก่า นิมนต์ลงจากหิ้ง พระบูชารุ่นแรก หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสีลสุภาราม(สำนักสงฆ์เขารัง) จ.ภูเก็ต ครบ 8 รอบ 96ปี ปี34 หน้าตัก 5 นิ้ว
ตอกโค้ตที่สังฆาฏิ  ใต้ฐานฝังตะกรุดจารมือและพระผงนางกวัก หลวงปู่จารมือกำกับด้วยตัวท่านเอง ที่ชายสังฆาฏิ ทุกองค์ สร้างน้อยมากๆ นิยมในหมู่ศิษย์หลวงปู่ครับ
เปิดบูชา 7800-
ปิดท่าน j999 ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2021, 03:47:45 PM โดย thesun »




 

ติดต่อผู้ดูแลเว็บ หรือ สนใจลงโฆษณา โทร ๐๘๖๒๒๒๐๐๕๕

อีเบย์ อุดรธานี ร่ม รับนำเข้าสินค้าจากจีน power bank กระบอกน้ำ ของพรีเมี่ยม แฟลชไดร์ฟ plc mitsubishi ปากกา taobao เฟอร์นิเจอร์ แหวนเพชร servo motor mitsubishi