[Thesun]พระกรรมฐานพ่อแม่ครูอาจารย์และพระเกจิอาจารย์ทั่วไป(อ่าน 672581 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

1296.นำของดี ของหายาก เก่าเก็บ มาแบ่งปัน พระผงท่าดอกแก้ว  หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้วเหนือ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ปี2493
หรือเรียกว่าพระผงโสฬสมหาพรหม จัดสร้างโดยคุณประถม อาจสาคร ผู้สร้างพระถวายให้หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ปลุกเสกจนโด่งดังและหลวงพ่ออื่นๆอีกหลายองค์
 สภาพสวยเดิมๆ เล็กดี รสโต นำไปใส่ตลับทองห้อยคอได้เลยครับ พระผงยอดนิยมแดนอีสาน แค่ผงโสใสที่นำมาสร้างพระไม่เสกยังขลังครับ
เปิดบูชาแบ่งปันยุคโควิด 7,900-
(รับประกันตลอดชีพ ช่วงเศรษฐกิจดีๆหรืออยู่มือสายตรงต้องมีหมื่นกว่าขึ้นครับไม่มีราคานี้แน่นอน)




พระท่าดอกแก้วเป็นพระที่คุณประถม อาจสาครสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2493 ถวายให้หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว และหลวงปู่เฮี้ยง วัดป่าปลุกเสกให้
โดยใช้ผงโสฬสมหาพรหมที่หลวงปู่สนธิ์มอบให้ (ผงนี้เป็นผงที่หลวงปู่ศรีทัตต์ มอบให้หลวงปู่สนธิ์) ต่อมาคุณประถม อาจสาครได้นำผงนี้มาสร้างพระถวายให้หลวงปู่ทิม
วัดละหารไร่ปลุกเสกจนโด่งดังและหลวงพ่ออื่นๆอีกหลายองค์





พระผงท่าดอกแก้ว ปี 2493 หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้วเหนือ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

โสฬสมหาพรหม เป็นวิชาที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งนัก ฉะนั้นนับแต่โบราณยากที่จะหาผู้ใดสำเร็จในวิชานี้ แต่โบราณจวบจนถึงปัจจุบันผู้ที่สำเร็จวิชา #โสฬสมหาพรหม มีน้อยกว่าน้อย
ในกาลต่อมาผู้ที่สำเร็จในวิชาได้เดินทางเผยแพร่อารยะธรรมมาทางตะวันออก จะเป็นระยะเวลาใด ปีใด ไม่ปรากฏ แต่เป็นสถานที่แห่งหนึ่งของฝังแม่น้ำโขง
 ณ ภูเขาลูกหนึ่งในฝั่งประเทศลาวปัจจุบัน ที่นี่เป็นจุดกำเนิดแห่งสรรพวิชาทั้งหลาย ที่ประกาศความเกรียงไกรของสู่ชนชาวโลก และเป็นจุดศูนย์รวมของพระธุดงค์เจ้าทั้งหลายที่ต่างเดินทางไปเพื่อแสวงหาสัจธรรมและวิชาการ ด้วยจุดมุ่งหมายอันเดียวกันคือ “ความรู้แจ้ง” บ้างประสพผลสำเร็จบ้างไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งแล้วแต่บุญวาสนาและความอดทนของแต่ละท่านและ #โสฬสมหาพรหม หนึ่งไนสรรพวิชาทั้งหลายที่เหล่าพระเถระต่างพยายามค้นคว้าเพื่อความสำเร็จแห่งตน แต่ภายใต้ขั้นตอนอันละเอียดอ่อนและกลไกแห่งวิชาอันสลับซับซ้อน ได้กลายเป็นเงื่อนไขให้มีผู้ที่สำเร็จทั้ง 16 ชั้น น้อยกว่าน้อย
ณ สถานที่แห่งนี้ อันมีนามเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่พระธุดงค์ “ภูเขาควาย” ที่นี่ได้เป็นที่พำนักของพระเถระรูปหนึ่งนามว่า"

หลวงปู่ศรีทัตถ์” หรือ “ยาคูศรีทัตถ์” ท่านเป็นที่เคารพของมหาชนสองฝั่งโขง ไม่ว่าท่านจะสร้างสิ่งใด ประชาชนทั้งสองฝั่งจะร่วมแรงร่วมใจถวายแด่หลวงปู่ ท่านเป็นเจ้าอาวาส
วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งท่านจะไปมาระหว่างวัดท่าดอกแก้ว กับภูเขาควายเป็นประจำพอช่วงเข้าพรรษาหลวงปู่จะจำพรรษาที่วัด พอออกพรรษาแล้ว
ท่านจะธุดงค์ไปพำนักที่ “ภูเขาควาย” เป็นประจำทุกปีแม้ท่านชราภาพปานใดท่านก็ถือธุดงค์ไม่ได้ขาดแม้แต่ปีเดียว จวบจนท่านมรณภาพท่านก็อยู่ในวาระแห่งการธุดงค์

หลวงปู่ศรีทัตท่านมีศิษย์ที่ท่านถ่ายทอดสรรพวิชาการทั้งหลายจนสิ้นอยู่ 2 รูป ได้แก่

1. หลวงปู่สนธิ์ ซึ่งต่อมาเป็นเจ้าอาวาสต่อจากท่าน หลวงปู่สนธิ์เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้ว จวบจนปี พ.ศ. 2510 จึงมรณภาพ

2. หลวงปู่จันทร์ เขมิโย หรือ ท่านเจ้าคุณปู่ ที่เป็นที่สักการะอย่างสูงของชาวนครพนม ท่านเป็นมหาเถระที่ชาวนครพนมและ จังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพอย่างสูง
ท่านมีสมณศักดิ์ที่ “พระเทพสิทธาจารย์” ท่านเจ้าคุณปู่เป็นเสาหลักแห่งพระศาสนา เป็นผู้วางรากฐานแห่ง พระธรรมยุติ ให้บังเกิดขึ้นที่นครพนม ท่านมรณภาพในปี พ.ศ. 2515

สำหรับหลวงปู่สนธิ์นั้น ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักในเรื่องของความขลัง อาจจะเนื่องจากท่านอยู่ไกลถึง นครพนม แต่ในครั้งเมื่อมีการปลุกเสกพระประมาณปี พ.ศ. 249กว่า
หลวงปู่สนธิ์ท่านมาร่วมปลุกเสก พระที่วัดเทพศิรินทร์ท่านขึ้นมาแบบพระบ้านนอกไม่มีใครรู้จักนัก ครั้นพิธีปลุกเสกผ่านพ้นไป วันเดินทางกลับนครพนมได้มีปรากฏการณ์พิเศษคือ
มีพระคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพระในครั้งนั้น ได้ เดินทางติดตามหลวงปู่สนธิ์ไปวัดท่าดอกแก้วหลายสิบองค์ คุณอาคม ( บุตรชายของอาจารย์ประถม อาจสาคร ) เล่าว่าอาจารย์ประถม
ได้นำพระเครื่องของหลวงปู่สนธิ์ไปให้หลวงปู่เฮี้ยง (เจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์ วัดป่าอรัญญิกาวาส ชลบุรี ซึ่งเป็นอาจารย์องค์หนึ่งของอาจารย์ประถม) ดู ปรากฏว่า ท่านดูไม่ออก
กว่าจะดูรู้เรื่องว่า หลวงปู่สนธิ์ ทำพระอย่างไร ปลุกเสกอย่างไร วิธีไหน ก็เสียเวลาหลายวัน ต้องกำหนดจิตเข้าใน องค์พระอยู่นานจึงรู้เรื่อง
พอรู้แล้วก็เอ่ยปากยกย่องหลวงปู่สนธิ์เป็นอย่างยิ่ง เสร็จแล้วก็ฝากพระ ของท่านไปให้หลวงปู่สนธิ์ดูบ้าง เมื่ออาจารย์ประถมนำพระไปถวายให้หลวงปู่สนธิ์ท่านก็บอกทันที
ว่าพระองค์นี้ดีอย่างนั้น ดีอย่างโน้น ปลุกเสกด้วยวิธีนั้น วิธีนี้ คาถาบทนั้น คาถาบทนี้ หลวงปู่เฮี้ยงถึงกับร้อง ทำนองว่า เขารู้เราหมด แต่กว่าเราจะรู้เขาได้นั้นผิดกันเยอะ
จากคำบอกเล่าของหลวงปู่สนธิ์ได้เล่าให้อาจารย์ประถม ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ตำแหน่งหัวหน้าสหกรณ์อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ปี พ.ศ. 2493 ฟังว่า
จากการบอกเล่าของหลวงปู่สนธิ์เจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้ว ได้เล่าให้คุณประถม อาจสาคร ซึ่งขณะนั้นทางราชการได้มีคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าสหกรณ์อำเภอท่าอุเทน
จังหวัดนครพนม เมื่อปี พ.ศ. 2493 ฟังว่าอาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่ศรีทัตต์ เป็นพระเถระผู้ทรงคุณยิ่งใหญ่ มีจริยวัตรที่งดงามหนักหนา เคร่งครัดในธรรมวินัยอย่างยิ่งยวด
ท่านมีตบะแก่กล้าพระเณรไม่กล้าทำผิดวินัยเพราะไม่ว่าจะแอบทำอย่างไร ท่านและพูดดักหมดพระเณรกลัวลาน แต่ท่านก็ไม่เคยดุใคร และท่านนอกจากจะเชี่ยวชาญในวิปัสสนาธุระ
คันธธุระแล้ว ท่านอุดมไปด้วยวิชาการต่างๆ มากมาย ในช่วงหลวงปู่เป็นเจ้าอาวาลอยู่นั้น ปรากฏว่าทั้งพระ ทั้งเณร ฆราวาส ต่างหลั่งไหลสู่วัดท่าดอกแก้ว เพื่อขอศึกษาวิชาการต่างๆ
จากท่าน ทำให้วัดท่าดอกแก้วในช่วงนั้นกลายเป็น "ตักศิลา" ไปเลยและในช่วงทีหลวงปู่สนธิ์เป็นเณรอยู่นั้นได้ถูกเรียกใช้อยู่เป็นประจำ ก็เลยอยู่ดูแลหลวงปู่ศรีทัตถ์มากกว่าคนอื่น
และตอนที่หลวงปู่สนธิ์เป็นเณรนั้น หลวงปู่ศรีทัตถ์ได้เขียนยันต์ให้ผืนหนึ่ง และบอกกับหลวงปู่ว่า “เณร เอายันต์ผืนนี้ไว้นั่งแทนเรือ ข้ามโขงไปหาปู่ที่เขา”


อาจารย์ประถมได้ถามว่า แล้วหลวงปู่เคยใช้ไหม หลวงปู่สนธิ์ไม่ตอบ ได้แต่นั่งหัวเราะแล้ว เงียบไป อาจารย์ประถมรุกเร้าเท่าใดก็ไม่เป็นผล ขอดูก็ไม่ให้ดู แต่ภายหลังจากนั้นไม่นาน
อาจารย์ประถมคอยดูจังหวะที่ได้เข้าไปในห้องของหลวงปู่สนธิ์และได้เห็นผ้ายันต์ผืนหนึ่งใหญ่ มากวางอยู่บนพานบูชา หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระ อาจารย์ประถมได้ทีถาม หลวงปู่ก็รับว่า
ใช่ อาจารย์ ประถมก็ถามต่อว่าได้ใช้หรือไม่ หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า ใช้ 4 ครั้งแล้วไม่ได้ใช้อีกเลย และ ห้ามไม่ให้อาจารย์ประถมบอกต่อ จนกว่าจะถึงเวลาอันควร
อาจารย์ประถมได้เก็บเป็นความลับ จนกระทั่งหลวงปู่สนธิ์มรณภาพ จึงได้เล่าให้ลูกหลานฟัง และภายหลังหลวงปู่สนธิ์มรณภาพ ก็ไม่ทราบว่าใครได้ไป
เพราะอาจารย์ประถมได้ย้ายออกมาก่อน หลวงปู่สนธิ์ได้เล่าว่า หลวงปู่ศรีทัตถ์ท่านมีความเชี่ยวชาญในภาษา “รู้” มาก อีกทั้งเจนจบครบสูตร ในอักขระมหายันต์ทั้งหลาย
 หลวงปู่ศรีทัตถ์ท่านเคยบอกว่า วิชาลงผงวิเศษที่ยากนักหนาที่ท่าน สำเร็จมามี 3 สูตร ได้แก่

1. ผงโสฬสมหาพรหม
2. ผงนวโลกุตตระ
3. ผงโภชฌงค์บริพัตร

อาจารย์ประถมได้เคยเรียนถามหลวงปู่สนธิ์ว่า ท่านลงได้ครบทั้ง 3 สูตรหรือไม่ ท่านไม่ตอบ แต่ยิ้มๆและเงียบไปตามเดิม หลวงปู่สนธิ์ท่านเล่าว่า ในปีหนึ่งหลวงปู่ศรีทัตถ์
 หลังจากออกพรรษาแล้ว ท่านเตรียมตัวธุดงค์ไปภูเขาควาย คราวนี้ท่านเตรียมสิ่งของไปมากมายเป็น พิเศษและได้สั่งพระเณรว่า พรรษาหน้าให้เตรียมการไว้
ท่านกลับมาท่านจะได้สร้างพระธาตุเพื่อ เป็นที ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เตรียมบอกญาติโยม ด้วย การที่ท่านเตรียมของมากมายนี้
ท่านประสงค์จะสร้างผงวิเศษเอาไว้ผสมสร้างพระเพื่อแจก ญาติโยมที่มาร่วมทำบุญกับท่าน หลวงปู่สนธิ์ท่านเล่าว่า ผงวิเศษที่หลวงปู่ศรีทัตถ์จะไปสร้างในครั้ง
 นี้ก็คือ
#ผงโสฬสมหาพรหม


ผงโสฬสมหาพรหมนี้หลวงปู่สีทัตต์ได้สร้างขึ้นสมัยอยู่ภูเขาควาย ประเทศลาว ใช้เวลาสร้างอยู่นานนับปี ท่านจะสร้างของท่านอย่างไรไม่ทราบ
แต่ว่ามีตำราแสดงการสร้างผงโสฬสมหาพรหมไว้พอได้ศึกษาเป็นนัยแห่งความรู้ได้ ดังนี้

การลงผงโสฬสมหาพรหมนั้น ต้องลงอักขระด้วยตัวธรรมเป็นกลยันต์ โดยถอดตัวต้นจนถึงตัวสุดท้าย ผูกสลับเป็นกลยันต์ 16 มุม ในแต่ละมุมแบ่งออกเป็น 16 ชั้น ใน แต่ละชั้นลงอักขระ 16 ช่อง อักขระแต่ละตัวแต่ละช่อง ต้องลบถมเรียกสูตร 16 คาบ ผูกอธิษฐาน เสกยันต์โสฬสมหาพรหมครบแล้วทั้ง 16 สูตรถือเป็น 1 ครั้ง และลงในระบบเดียวกันนี้ 16 ครั้ง แล้วรวมที่ลบมาอธิษฐานจิตปลุกเสกตามฤกษ์บน-ล่าง ตามตำราบังคับ เสร็จแล้วให้เอาผงวิเศษ ลูบลงในกระดานลงผง หากบังเกิดอักขระขอมธรรมของยันต์โสฬสมหาพรหมบนกระดานลงผงโดย ไม่ได้เขียน โดยใช้เพียงผงวิเศษลูบให้สำเร็จเป็นยันต์ ถือว่าสำเร็จ หากลูบแล้วไม่ปรากฏยันต์ ในกระดานลงผง จะต้องเริ่มต้นลงใหม่ตั้งแต่ต้น!

ผู้ที่ลงผงวิเศษได้ครบสูตรโสฬสมหาพรหมได้สำเร็จ จะดลบันดาลให้เทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 บาดาล 22 ชั้นพรหม ภะคะวะพรหม จน ถึง พรหมสุทธาวาส ทุกพระองค์ลงและขึ้นมาอนุโมทนาอำนวยพร ผงวิเศษนี้มีอานุภาพอันทรงความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ผู้ที่บูชาผงวิเศษนี้จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ลาภ สักการะ วาสนาบารมี บริบูรณ์ไปด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ปัญญา บารมีสมบัติ ปรารถนาสิ่งใด จักสำเร็จดังปรารถนา ผงโสฬสมหาพรหมที่หลวงปู่ศรีทัตสร้างขึ้นนี้ ท่านได้นำไปสร้างพระแจกที่วัดท่าดอกแก้ว ท่านสร้างไว้ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเหลือท่านเก็บใส่บาตร ตกทอดมาถึงหลวงปู่สนธิ์ท่านก็ เก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้อะไร ต่อมาท่านได้สร้างผง นวโลกุตระ ขึ้น ท่านจึงได้สร้างพระปิดตาแจก ชาวบ้าน และได้นำผงทั้ง 2 ชนิดมาใส่รวมกัน อาจารย์ประถมเป็นศิษย์หลวงปู่เฮี้ยง และมีความชำนาญในการสร้างพระ เพราะได้ช่วยหลวงปู่เฮี้ยงสร้างพระตั้งแต่ยุคแรกๆ ของวัดป่า (พศ. 2484) และเมื่ออาจารย์ประถมมาถึงท่าอุเทน ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่สนธิ์ชาวบ้านนับถือมาก และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาจารย์ประถมนับถือ คือ มีพลทหารนายหนึ่ง อาจารย์ประถมได้ขอตัวมาช่วยงานของสหกรณ์ ได้มีเรื่องกับ ชาวบ้านและโดนยิงเข้าไป 3 ชุด กระเด็นตกน้ำ แต่ไม่ตาย เพราไม่มีระคายผิวหนัง เสื้อผ้าขาดกระจุย ทั้งตัวมีตะกรุดดอกเดียว คือ ตะกรุดเก้าแปเก้าย้อ ของหลวงปู่สนธิ์ด้วยเหตุนี้อาจารย์ ประถมจึงไปเสาะหาท่านถึงวัดและศึกษาวิชาการจากท่าน และเนื่องจากท่านเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการสร้างพระ ท่านจึงคิดจะสร้างพระถวายหลวงปู่สนธิ์ในราวปลายปี พ.ศ. 2493 จึงเข้าเรียนหลวงปู่สนธิ์และท่านก็อนุญาตและหลวงปู่สนธิ์ก็ได้มอบผงวิเศษที่มีอยู่ในบาตรใหญ่นั้น ให้อาจารย์ประถมนำไปสร้างพระ


อาจารย์ประถมเล่าไว้ว่า ในเวลาที่รับผงวิเศษนั้นมือสั่นไปหมด เพราะทราบดีว่าผงวิเศษในบาตรนั้นวิเศษเพียงใด อาจารย์ประถมจึงได้สร้างพระท่าดอกแก้ว
ถวายหลวงปู่สนธิ์เมื่อสร้างเสร็จแล้ว อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษที่เหลือในราวครึ่งบาตรกว่า ถวายคืนแด่หลวงปู่สนธิ์ท่านกลับบอกว่าให้เก็บไว้สร้างพระต่อไปในอนาคต

หลังจากนั้นเมื่ออาจารย์ประถมทำงานที่ท่าอุเทนครบวาระ ได้ถูกย้ายไปทำงานที่ อ.ธาตุพนม และก่อนที่จะไปประจำการ อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษนี้เดินทางไปที่จังหวัดขอนแก่น
โดยไปขอบารมีท่านเจ้า คุณพระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส) นานถึง 6 เดือน และได้นำไปขอบารมีจากพระอริยสงฆ์อีกหลาย รูปได้แก่ พระอาจารย์วัง ฐิติสาโณ แห่งภูลังกา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่สิม พุทธจาโร หลวงพ่อ สมาธิ หลวงปู่หัว วัดบ้านคำครึ่ง และ พระวิปัสสนาจารย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนครพนม หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ ตอนที่นำผงไปขอบารมีหลวงปู่จันทร์นั้น หลวงปู่จันทร์เห็นแล้วก็จำได้ ถึงกับออกปากว่า ไปเอาผงนี้มาจากไหน และหลังจากนั้นหลวงปู่จันทร์ก็ได้ขอแบ่งผงไว้ 1 ชั้นปิ่นโต ผงนี้ได้นำมาสร้างพระเครื่องรุ่นปี พ.ศ. 2500 คือพระพิมพ์สมเด็จและพระนางพญา และตอนที่นำไปถวายหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ฝั้นเมื่อเห็นแล้วถึงกับก้มลงกราบทันที พระอาจารย์วังก็เช่นกัน นอกจากนี้ อาจารย์ประถมยังได้นำผงวิเศษนี้ไปเก็บไว้ที่วัดเทพศิรินทร์ ในพระอุโบสถ และได้ขอบารมีจาก ท่านเจ้าคุณนรฯ ด้วย

หลวงปู่สนธิ์ถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ลุ่มน้ำโขงที่มีบุญญาบารมีมาก มีสมาธิจิตเป็นเยี่ยมและต้องบรรลุธรรมขั้นสูงจึงสามารถเรียนวิชา ''น้ำมนต์เจ็ดพระจันทร์'' ได้
 ท่านคือต้นแบบแห่งน้ำมนต์นี้ และต่อมาหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ ก็ได้มาขอร่ำเรียนวิชานี้จากท่านสืบทอดวิชาต่อมา และถือเป็นเกจิองค์แรกที่หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน
มองเห็นแป๊บเดียวก็รู้ว่า เพชรในตม เจอของดีเข้าแล้ว เขาไม่ใช่ธรรมดา เขามีดีในตัว จึงมอบผงโสฬสมหาพรหมให้ครอบครอง ส่วนจริยวัตรนิสัยใจคอของท่านนั้นยอดเยี่ยมมาก

 ไม่ถือตัว ไม่โอ้อวดใดๆ อยู่แบบเรียบง่าย สมถะแต่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ช่วยเหลือชาวบ้านทุกคน จึงได้สมญานามว่า ''พระอริยะสงฆ์ผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง''


























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 09, 2020, 09:50:16 PM โดย thesun »



1297.เปิดชุดหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี พระกริ่งโปร่งฟ้ามหาเศรษฐี 88ปี องค์หล่อนำฤกษ์ หลวงปู่เททอง เจิมแป้งทุกองค์ หมายเลข 64  +
พญาแพะ รับทรัพย์ พิธีชินบัญชรอิสาน พิมพ์เล็ก และ ใหญ่ ใต้ฐานอุดผงพรายกุมาร
เปิดทั้งชุดเพียง 1,400- แค่แพะ2ตัวก็คุ้มแล้วครับผม


-พระกริ่งโปร่งฟ้ามหาเศรษฐี  องค์หล่อนำฤกษ์ มีการกำหนด ฤกษ์ยามประกอบพิธีเทหล่อในวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ณ. วัดกุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลฯ
พระในพิธี นำฤกษ์ทุกองค์ หลวงปู่จะเจิมแป้งลงพระคาถากำกับทุกองค์ ครับ พระชุดนำฤกษ์เนื้อนวะ ชุดนี้ต่อไปจะเป็นพระเครื่องที่มีอนาคตอันรุ่งโรจน์พุ่งแรงในอนาคตแน่นอนครับ

-แพะรับทรัพย์  หลวงปู่คำบุ มอบให้ อ.ชินพร สุขสถิตย์ ผู้สร้างพระกริ่งชินบัญชรของหลวงปู่ทิมอันโด่งดัง เป็นผู้จัดสร้าง อุดด้วยมวลสารผสมผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม
แพะที่เคยอุบัติขึ้นในดินแดนภาคตะวันออกอย่างโด่งดัง ก็อุบัติขึ้นในแดนอีสานเป็นครั้งแรก เพื่อสืบทอดวิชาแพะของหลวงพ่ออ่ำ ศิษย์ผู้พี่ของหลวงปู่ทิม สายหลวงปู่สังข์เฒ่า จึงเกิดขึ้นและใช้ได้ผลทันที่
พระคาถาปลุกเสกใช้แพะมีดังนี้
“โอม ลึอ ลือ ลึอ ลือ อะ มะ ลือ โม โม ลือ อะ มะ นะ มะ พะ ทะ”

ครั้นพระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นพญาแพะ ทรงมีรูปลักษณะที่สง่างามจึงเป็นที่มาในตำราการสร้างแพะมงคลทางสายตะวันออกที่หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก
ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับ อ.ชินพร โดยจะต้องหาควายที่มีลักษณะถูกต้องและตายผิดธรรมชาติคือฟ้าผ่าตายจากนั้นพลี เงาเขาควายแกะเป็นรูปแพะแล้วจึงตั้งธาตุ
เรียกรูปนามจนเกิดนิมิตเห็นเป็นตัวเป็นตนขึ้น จากนั้นปลุกเสกตามสายวิชา ญาท่านคำบุ อธิฐานจิต หนุนโชค หนุนดวง บักเกิดลาภสักการะ
เป็นเมตตามหานิยม ทั้งยังรับเคราะห์เป็นเวรกรรม แทนนายได้อีกด้วย




















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 09, 2020, 10:32:37 PM โดย thesun »



1298.เหรียญสมเด็จพระสังฆราชฯ(แพ) วัดสุทัศน์ฯ พิธีกริ่งสายฟ้า หลวงปู่โต๊ะ ปี20 ตอกโค้ตเดียวกับกริ่งสายฟ้าหลวงปู่โต๊ะ กริ่งหลักแสนแล้ว
ใช้เหรียญพิธีเดียวกันได้เบาๆๆ
เปิดบูชา 700-


สมเด็จฯพระสังฆราชฯ(แพ) วัดสุทัศน์ฯ กทม. (รุ่นสายฟ้า) เนื้อทองแดง หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ปลุกเสกในพิธีสายฟ้า ปี20
....เหรียญรุ่นนี้สร้างพร้อมพระกริ่ง-พระขัยวัฒน์รุ่นสายฟ้า ในปี20 ...หากจะเรียกเป็นทางการก็คือ " เหรียญสมเด็จฯพระสังฆราชฯ(แพ) รุ่นสายฟ้า "
...เหรียญนี้เป็นเนื้อทองแดง ปั๊มแบบไม่มีหู จำนวนการสร้างเนื้อทองแดง 40,000 เหรียญ
ตอกโค๊ด " สฟ " ที่ชายสังฆาฎิ
..พุทธคุณเทียบเท่าพระกริ่งสายฟ้าแแน่นอนครับ เพราะปลุกเสกพิธีเดียวกัน ราคาก็ถูกกว่ากันหลายเท่า(พระกริ่งสายฟ้าชั่วโมงนี้แตะแสนไปแล้วครับ)














1299.เหรียญในหลวงทรงผนวช วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. ปี2508 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง บล็อคธรรมดา อยู่ในถุงซีลเดิมๆ พระดี พิธีใหญ่
ทรงคุณค่า
ปิดครับ คุณอ๋าทางไลน์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2020, 11:14:25 AM โดย thesun »



1300.เหรียญรุ่น2หลวงปู่บัว ถามโก วัดศรีบูรพาราม จ.ตราด  ปี33 เนื้อทองแดง ผิวหิ้ง นิยม วัตถุมงคลยุคต้นๆของหลวงพ่อ
วัตถุมงคลท่านแรงมากทั้งราคาและพุทธคุณบางรุ่นราคาเฉียดแสน เหรียญรุ่นแรกปี24 ราคาไปไกลทะลุหมื่นแล้ว เหรียญรุ่น2 เก็บก่อนแพงตามกันไปนะครับ
เปิดบูชา 1200-

เทพเจ้าแห่งโชคลาภแดนตะวันออก "หลวงปู่บัว ถามโก"




หลวงปู่บัว ถามโก เป็นพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองตราด เจ้าอาวาสวัดศรีบูรพาราม อ.เมือง จ.ตราด มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่วภาคตะวันออก จนได้รับการยกย่องให้เป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า

ปัจจุบัน สิริอายุ 94 ปี พรรษา 71

หลวงปู่บัว ถามโก เดิมชื่อ บัว เป็นบุตร นายเชี๋ย-นางเตี่ยน มารศวารี เกิดเมื่อวันเสาร์ เดือน 5 ปีขาล ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ ปี พ.ศ.2469  ณ บ้านเลขที่ 3 หมู่ 3 ต.วังกะแจะ อ.เมือง จ.ตราด ในวัยหนุ่มชอบศึกษาหาความรู้ด้านยาสมุนไพรและมีความชำนาญด้านงานช่าง จนอายุ 23 ปี ได้อุปสมบท ณ วัดบุบผาราม ต.วังกะแจะ โดยมี พระครูคุณวุฒิพิเศษ วัดบุบผาราม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวัตรรัตนวงษ์สิทธิ์ วัดหนองบัว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ศึกษาพระปริยัติธรรมเรื่อยมา จนปี พ.ศ. 2505 ย้ายมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเกาะตะเคียน ปี พ.ศ.2508 สอบได้ชั้นนักธรรมเอก และปี พ.ศ.2513 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น ‘พระครูสังฆกิจบูรพา’ ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลวังกะแจะ
     หลวงปู่บัว เล่าว่า สมัยก่อนการศึกษาภาษาบาลียังไม่เป็นที่แพร่หลาย ท่านจึงไปศึกษาวิทยาคมและพระคาถาต่างๆ จาก พระครูคุณวุฒิพิเศษ พระอุปัชฌาย์ โดยเฉพาะ ‘วิชาหัวใจ 108’ ทำให้รู้ถึงขั้นตอนและกรรมวิธีการทำ ‘น้ำมันงา’ ที่มีคุณวิเศษทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และอยู่ยงคงกระพัน นอกจากนี้ยังได้ศึกษากับ นายเสียง ชาวบ้านหมู่บ้านหนองโพง ฆราวาสผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องหนังเหนียวยิ่งนัก โดยนายเสียงได้พาลูกชายมาฝากเรียนวิชาแต่ลูกไม่สนใจ นายเสียงกลัววิชาจะสูญหาย จึงถ่ายทอดให้หลวงปู่จนหมด โดยแรกๆ ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้ จนมาสร้าง ‘พระเครื่อง’ เพื่อแจกให้ญาติโยมพกติดตัว ป้องกันพวกนักเลงที่สมัยก่อนมีเยอะมาก ปรากฏว่าเห็นผลเป็นที่ร่ำลือ จากที่ไม่มีผู้ใดสนใจ ก็พากันมาขอจนหมด
     ท่านยังได้รับสมญาว่า “เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” ของภาคตะวันออก เนื่องจากเคยมีลูกศิษย์มากราบนมัสการและนำคำสอนของท่านไปตีเป็นเลข ปรากฏว่าถูกหวยรวยกันมานักต่อนัก พอท่านทราบก็ได้แต่ยิ้มและยืนยันว่าไม่ได้สนับสนุนหรือบอกใบ้ ถือเป็นโชคเป็นลาภ ซึ่งก็แล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคน
     หลวงปู่บัว เป็นพระเกจิที่รักสันโดษ สมถะ มีวัตรปฏิบัติงดงาม เมตตาธรรมสูงส่ง ยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยเหลือญาติโยมทั้งหลายด้วยจิตบริสุทธิ์ สั่งสอนธรรมะสานต่อพระบวรพุทธศาสนาตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวจังหวัดตราดและใกล้เคียง เป็นหนึ่งในเกจิดังของภาคตะวันออก ที่ไม่ว่าจะออกวัตถุมงคลมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น ก็ล้วนทรงพุทธคุณแก่ผู้สักการะเป็นที่กล่าวขาน ทั้งทางแคล้วคลาดปลอดภัย เสน่ห์เมตตามหานิยม และค้าขายคล่องตัว โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” ที่เป็นที่นิยมและแสวงหาอย่างกว้างขวาง ผู้มีไว้ครอบครองก็ต่างหวนแหน









1301.ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช  หลวงพ่อสิริ วัดตาล  ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบรี  เสริมดวงชะตา วาสนา แคล้วคลาดเป็นเลิศ เปิดบูชา 700-



นยุคสมัยปัจจุบันถ้าจะกล่าวถึงพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกรูปหนึ่งที่เป็นดั่ง เพชรเม็ดงามแห่งจังหวัดนนทบุรี คงไม่มีใครไม่รู้จัก "หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน" แห่งวัดตาล ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม สมถะ เรียบง่าย ไม่จับต้องเงินทอง หรืออามิส อันจะนำไปสู่วังวนแห่งกิเลสตัณหาใดๆ ทั้งสิ้น

ประวัติหลวงพ่อสิริ วัดตาล ปัจจุบันท่านอายุ 79 ปี พรรษา 59 เดิมชื่อ สิริ แก้วกาญจน์ เป็นคนไทยเชื้อสายรามัญ เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2484 ณ บ้านบางตะไนย์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นบุตรชายของนายเต๊ะ กับนางนาค แก้วกาญจน์ บิดามีอาชีพช่างไม้ มารดามีอาชีพทำนา ในวัยเยาว์โยมบิดามารดาได้พาท่านมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์วัดคอยปรนนิบัติรับใช้ พระสงฆ์ภายในวัดตาล เมื่อพ.ศ.2497 อายุได้ 14 ปี ได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดตาล หลังจากบวชเป็นสามเณรได้เพียง 1 ปีก็มีเรื่องแปลก กล่าวคือ "หลวงพ่อโอภาสี" ซึ่งเป็นพระเกจิที่มีฌานสมาบัติสูงรูปหนึ่งในยุคนั้นได้ให้ลูกศิษย์พายเรือ เอาธงชาติผืนใหญ่มาฝากไว้ให้สามเณรสิริ เป็นเวลา 7 วัน ในธงชาตินั้นเขียนยันต์ล้อมรอบ และเขียนพระราชประวัติของในหลวงไว้เป็นภาษาขอมโบราณ ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระองค์ในภพชาติที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจต่อผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยิ่ง นักว่าทำไมหลวงพ่อโอภาสีจึงให้ความสำคัญกับสามเณรสิริ ซึ่งบวชเป็นสามเณรได้เพียงแค่ 1 ปีถึงขนาดนี้ เมื่ออายุครบ 20 ปี จึงเข้าอุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดตาล เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2504 โดยมีท่านเจ้าคุณพระอริยธัชเถระ วัดสวนมะม่วง จังหวัดปทุมธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเปลือย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัดกัณหา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "สิริวัฑฒโน" ด้วยมีความสนใจ ศึกษาทางด้านพุทธาคมตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณร เมื่อได้อุปสมบทแล้วท่านก็ได้กราบขอฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านเจ้าคุณพระอริย ธัชเถระ ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์สายตรงของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อสิริจึงมีโอกาสได้ศึกษาพุทธาคมสายวิชาของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ทั้งทางด้านวิปัสนากรรมฐาน และคาถาอาคมต่างๆ อย่างลึกซึ้ง

ด้านศาสนกิจท่านถือได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ซึ่งมาก ด้วยเมตตาคอยให้การอุปถัมภ์กิจกรรมของคณะสงฆ์ภายในวัดตาล และวัดวาอารามต่างๆ ที่มาขอความเมตตาจากท่าน หรือท่านพิจารณาแล้วว่ามีเจตนาดีบริสุทธิ์เป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนาเห็นควร ให้การอุปถัมภ์ ท่านก็จะเมตตาช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถทุกครั้ง















1302.เหรียญ บุญอมตะ หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร ปี 2558 เนื้อฝาบาตร วัตถุมงคลท่านพบเห็นน้อย หายาก มาก ด้วยเพราะไม่ใช่จริต
ในองค์ท่าน ทำให้เป็นที่เสาะหาของเหล่าศิษย์มาก สวยๆ
เปิดบูชา 800-








1303.ลูกอมสารพัดดี หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี18  หรือเรียกว่า "พระผงแดงแห่งถ้ำขาม" ลูกอมยอดนิยมแดนอีสาน หายาก สร้างน้อย
จัดสร้างพร้อมกับพิมพ์สมเด็จ และพระพุทธสามเหลี่ยมสารพัดดี โดยนำมูลสารที่เหลือมาปั้นเป็นลูกอม
พระชุดนี้ของท่านอาจารย์ "สารพัดดี" สมชื่อรุ่นครับ นำไปเลี่ยมทอง ห้อยติดตัวบูชา
เปิดบูชา 3500-

 สุดยอดของสุดยอด....พระผงสมเด็จสารพัดดี  ได้รับการแผ่เมตตาอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร  วัตถุมงคลชุดนี้ สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี 2518
 โดยท่าน พล.ร.อ.ประชุม เวศน์วิบูล เป็นผู้ออกทุนจัดสร้าง ได้นำผงพระกรุที่แตกหักหลายๆ กรุ อาทิ ผงพระรอด ผงพระคง ผงพระเปิม ผงพระบาง,
ผงวิเศษและผงอธิษฐานจิตจากครูบาอาจารย์องค์สำคัญๆ หลายๆ องค์ รวมไปถึงดินจากยอดเขาสารพัดดี มาบดผสม และคลุกเข้าด้วยกันจนละเอียด
มากดเป็นพระพิมพ์ได้ทั้งหมด 3 พิมพ์
ประกอบด้วย 1. พิมพ์สามเหลี่ยมเล็ก 2. พิมพ์พระสมเด็จสามชั้น 3. พิมพ์พระถ้ำเสือ และ นำมาปั้นเป็นลูกอมอีกจำนวนหนึ่ง  จากนั้นจึงนำไปเผาไฟจนได้ที่ จึงได้นำไปถวายท่านพระอาจารย์ฝั้น
แผ่เมตตาอธิษฐานจิต พระพิมพ์นี้บางส่วน หลังจากท่านอาจารย์ฝั้น ได้แผ่เมตตาอธิษฐานจิตให้แล้ว ได้ถูกแจกจ่ายไปยังกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระพิมพ์ในส่วนนั้นจึงถูกนำไปถวายหลวงปู่ทิม อธิษฐานจิตเพิ่มอีก
หลายท่านอาจสงสัยคราบด้านหลัง สีดำๆ ที่ปรากฎคือ ผงตะไบพระกริ่งวัดสุทัศน์ ที่ผสมอยู่ในเนื้อพระ เมื่อนำพระพิมพ์ไปเผาไฟ ผงตะไบจึงละลายออกมาคลุมผิวพระอย่างที่เห็น











 



1304.พระผงพุทโธ ข้างเม็ด(ซุ้มไข่ปลา) พิมพ์ใหญ่ หลวงปู่เฮี้ยง วัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) จ.ชลบุรี  ปี2499 จำนวนจัดสร้างแค่ 300 องค์ สภาพสมบูรณ์ พุทธคุณล้นเหลือ เพราะมีส่วนผสมผงวิเศษ
ผงเก่าหลวงพ่อแก้ว วัดเครื่อวัลย์แท้ๆ หลวงพ่อกล่าวแทบไม่ต้องปลุกเสกซ้ำ ใช้แขวนติดคอได้เลย  ทาบรอนซ์เดิมจากวัด
เปิดบูชา 2000-

หลวงปู่เฮี้ยง (เจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์) วัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) จ.ชลบุรี กล่าวกันว่าท่านเป็นพระที่มีวาสนาสูง มีคหบดีซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดได้มอบ
ผงแท่งของ "หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์" ให้ไว้เป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชน พร้อมกับแนะนำด้วยว่ายังมีอยู่อีก 9 แท่ง โดยบอกว่าอยู่ที่ใครบ้าง
ให้ท่านพยายามสืบเสาะหา และท่านก็ได้ตามจนพบและขอบิณฑบาตร ผู้เก็บรักษาไว้ก็ได้ถวายให้ด้วยความเต็มใจ นอกจากนั้นท่านยังได้ผงวิเศษของ
หลวงพ่อภู่ วัดต้นสน , หลวงพ่อเจียม วัดกำแพง , หลวงพ่อโต วัดเนิน และหลวงพ่อครีพ วัดสมถะ อีกด้วย

ท่านได้นำผงวิเศษเหล่านั้นมาบดผสมทำพระผงของวัดป่า ทุกรุ่นทุกพิมพ์จนทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ต้องการของของผู้ศรัทธาทั่วประเทศมากว่า 60 ปีแล้ว
จนท่านได้รับฉายาว่า "หลวงพ่อแก้ว แห่งวัดป่า"

การสร้างพระของท่าน มีอุปเท่ห์ต้องสร้างตามฤกษ์ผานาทีของดวงดาวที่โคจร ฤกษ์โหราศาสตร์ที่วัดป่า ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสมัยของท่านที่มีชีวิตอยู่
และการกดพิมพ์พระต้องกดถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งต้องกำหนดจิต และลงอักขระกำกับด้วยมนต์ขลังของท่านทุกครั้งที่กด อีกทั้งพระของท่านได้ขึ้นชื่อว่ามีส่วนผสม
ของผงวิเศษของ หลวงพ่อแก้ว หลวงพ่อเจียม หลวงปู่ภู่ ฯลฯ จึงได้เชื่อได้เลยว่า พระของท่านเมื่อกดพิมพ์เสร็จแทบไม่ต้องปลุกเสกซ้ำ
ใช้แขวนติดคอได้เลย

พระพุทธโธข้างเม็ดปี 2499 หลวงปู่เฮี้ยงวัดป่า สร้างน้อย องค์นี้ทาบรอนซ์ทองเก่า เดิม ๆ สภาพสวยสมบุรณ์ครับ




ประวัติ หลวงปู่เฮี้ยง ปุณณัจฉันโท วัดป่า (วัดอรัญญิกาวาส)



กล่าวถึงชื่อวัดอรัญญิกาวาส หรือ วัดป่า ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี บรรดาเซียนพระนักสะสมนิยมพระเครื่องต่างรู้จักกันดี ด้วยในอดีตวัดแห่งนี้เคยมี 'พระวรพรตปัญญาจารย์' หรือ 'หลวงปู่เฮี้ยง ปุณณัจฉันโท' อดีตเจ้าอาวาสวัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) อ.เมือง จ.ชลบุรี พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองชล เป็นเจ้าอารามปกครองคณะสงฆ์แห่งนี้

รวมทั้งเป็นผู้ได้รับสืบทอดตำราการสร้างพระปิดตาทั้งเนื้อผงและเนื้อผงคลุกรักจากพระเกจิอาจารย์ดังหลายรูปของเมืองชลบุรี

อัตตโนประวัติ มีนามเดิมว่า กิมเฮี้ยง นาคไพบูลย์ เกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2441 เวลา 17.45 น. ตรงกับวันพฤหัสบดี เดือนยี่ แรม 2 ค่ำ ปีจอ ที่ ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี โยมบิดา ชื่อ เร่งเซ็ง เป็นคนเชื้อสายจีน โยมมารดา ชื่อ นางผัน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 7 คน

เมื่อเจริญวัยอายุได้ประมาณ 9-10 ขวบ โยมมารดาได้พาไปฝากเรียนหนังสือกับพระวินัยธรเส็ง หรือ เส็ง เจ้าอาวาสวัดหนองไม้แดง (วัดราษฎร์สโมสร) อ.เมือง จ.ชลบุรี

ต่อมา พระวินัยธร (เส็ง) ได้มรณภาพ จึงเลิกเรียนและกลับไปอยู่บ้านช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพตามวิสัยที่พึงกระทำได้

ครั้นอายุ 20 ปีบริบูรณ์ ท่านได้ไปสมัครเป็นตำรวจภูธร และมาปลดประจำการ โดยเป็นเพียงกองหนุนชั้นที่ 1 ขณะอายุได้ 22 ปี

ในปี พ.ศ.2463 เมื่ออายุได้ 23 ปี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุตามประเพณี ณ พัทธสีมา วัดป่า (อรัญญิกาวาส) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2464 โดยมีพระเขมทัสสีชลธีสมานคุณ วัดเขาบางทราย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระวินัยธร (เภา) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัดชื่น ธัมมสาโร วัดป่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายาว่า ปุณณัจฉันโท มีความหมายว่า ผู้มีความพอใจอันเต็มเปี่ยม

ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านมีอุปนิสัยสนใจด้านวิทยาคม ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแดง (พระครูธรรมสารอภินันท์) วัดใหญ่อินทราราม จ.ชลบุรี ยอดพระเกจิอาจารย์ชาวเขมร เมืองพระตะบอง ที่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดใหญ่อินทราราม ถึง 53 ปี เป็นพระเถระที่ทรงวิทยาคุณในทางสมถะ มีวาจาสิทธิ์เป็นที่เคารพยำเกรงของคณะศิษยานุศิษย์และเป็นที่เล่าขานตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2467 เป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญิกาวาส พ.ศ.2483 เป็นเจ้าคณะแขวงบางละมุง และเป็นพระอุปัชฌาย์ในคณะธรรมยุต พ.ศ.2496 เป็นเจ้าคณะธรรมยุตผู้ช่วยอำเภอจังหวัดชลบุรี

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2479 เป็นพระครูสัญญาบัตรในราชทินนามพระครูวรพรตศีลขันธ์ พ.ศ.2498 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระวรพรตปัญญาจารย์

หลวงปู่เฮี้ยง ได้พัฒนาทั้งด้านการศึกษาและเสนาสนะให้เจริญรุ่งเรือง นับได้ว่าวัดป่าหรือวัดอรัญญิกาวาสแห่งนี้ เจริญรุ่งเรือง ด้วยอำนาจบารมีแห่งวัตถุมงคลพระเครื่องต่างๆ ที่ท่านสร้างสรรค์ ทุกรุ่นเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณเมตตามหานิยม เป็นที่ปรารถนาของเซียนพระเครื่องที่ต่างแสวงหาไว้ในครอบครอง

ด้วยอำนาจความเข้มขลังที่เป็นอมตะแห่งผงเก่าของยอดพระเกจิอาจารย์ชาวบางปลาสร้อยในอดีต อาทิ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์, หลวงพ่อเจียม วัดกำแพง มีส่วนเสริมให้วัตถุมงคลของหลวงปู่เฮี้ยง ทุกรุ่นทุกพิมพ์ถูกเช่าบูชาไปจากตลาดพระเครื่องอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะหามาไว้ในครอบครอง












1305.เหรียญหล่อซุ้มนาค สร้างมณฑป หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม นครปฐม ปี19 นวโลหะ กล่องเดิม สร้างน้อย หายาก วัตถุมงคลมาตรฐานสากล ของหลวงพ่อ
มีในรายการประกวด เสมอครับ
เปิดบูชา 1200-










1306.วัวธนูพอกครั่งลงชาดปิดทอง ครูบาเจ้า นันตา นันโท วัดทุ่งม่านใต้ จังหวัดลำปาง แท้ทันยุค สุดยอดเครื่องรางแดนล้านนา ป้องกันภยันตรายจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆนานา
ปกป้องคุ้มครอง สร้างน้อย หายาก นานๆจะออกมาให้เห็นที
  เปิดบูชา 2,300- ปิดท่าน J999 ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 22, 2020, 10:31:38 PM โดย thesun »



1307.รูปหล่อรุ่นแรกหลวงปู่สม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ปี54 เนื้อเงิน ก้นอุดผงฝังพลอยเสก จีวร และ เกศา
เลี่ยมพร้อมใช้
1200- ปิดท่าน J999 ครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 22, 2020, 10:31:48 PM โดย thesun »



1307.รูปหล่อรุ่นแรกหลวงปู่สม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ปี54 เนื้อเงิน ก้นอุดผงฝังพลอยเสก จีวร และ เกศา เลี่ยมพร้อมใช้ 1200-




หลวงพ่อสม สุชีโว - หรือ พระครูโสภณสิริธรรม อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง ต.คำหยาด อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองอ่างทอง
 อีกทั้งยังเป็นแพทย์แผนโบราณ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป

มีนามเดิมว่า สม พรหมทอง เกิดเมื่อ วันที่ 10 เม.ย.2473 บิดา-มารดา ชื่อ นายหวลและนางละมาย พรหมทอง เกิดที่บ้านบางลำพูข้างวัดสังเวชวิชยาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นบุตรชายคนโต

ช่วงเกิดสงครามโลก ทั่วพระนครเกิดภัยพิบัติไปทั่ว จึงอพยพครอบครัวไปตั้งรกรากอยู่ที่อำเภอสรรพยา จ.ชัยนาท

ด้วยความที่นายหวลมีความสนิทสนมกับสมภารวัดที่อยู่ใกล้กับบ้าน คือ หลวงพ่อทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดตลุก) จึงได้นำบุตรชายไปฝากให้เป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ในกิจการต่างๆ รวมทั้งอบรมสั่งสอนเล่าเรียนวิชาการต่างๆ ทั้งจากหลวงพ่อทรัพย์และโรงเรียนประชาบาลที่อยู่ภายในวัดอินทาราม

ชีวิตในวัยเด็ก มีความขยันหมั่นเพียรในการศึกษา จนจบการศึกษาอันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน นอกจากวิชาสามัญในโรงเรียนแล้ว หลวงพ่อทรัพย์ยังได้อบรมสั่งสอนวิชาแพทย์แผนโบราณ โดยสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

เนื่องจากหลวงพ่อทรัพย์ เป็นหมอยาไทยที่มีชื่อเสียง จะมีผู้คนมาให้ท่านรักษากันมาก จึงมีหน้าที่ช่วยปรุงยาไทยให้ตามใบกำกับยาที่ส่งให้

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ได้สั่งสมความรู้ทางแพทย์แผนโบราณอย่างดี จนเป็นที่ชมเชยของหลวงพ่อทรัพย์ตลอดมา

เมื่ออายุ 17 ปี เข้าพิธีบรรพชา เข้าศึกษาเรียนพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท



ครั้นต่อมาลาสึก เมื่ออายุ 19 ปี ด้วยเหตุที่บิดามารดามีอายุชราภาพมากขึ้น จำต้องออกมาช่วยงานหาเลี้ยงครอบครัว คือ การควบคุมเรือบรรทุกสินค้าล่องมาค้าขายที่กรุงเทพฯ

จนเมื่ออายุ 24 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิ.ย.2496 ที่พัทธสีมาวัดอินทาราม โดยมีพระครูธรรมวิริยโสภณ (ทรัพย์) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุห์สนิท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เส็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายาว่า สุชีโว มีความหมายว่า “ผู้มีชีวิตอันงาม”

ศึกษาหนังสือนวโกวาท หนังสือธรรมวิภาค อันเป็นหลักสูตรนักธรรมตรี-นักธรรมโท ที่ได้เคยศึกษาเล่าเรียน เมื่อครั้งที่บวชเป็นสามเณรมาทบทวนจนเป็นที่เข้าใจดี
และสมัครสอบนักธรรมชั้นเอก เมื่อปี พ.ศ.2503 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอกในปีนั้น

ครั้นหมดภาระทางการศึกษาพระปริยัติธรรม จึงหันไปศึกษาตำราแพทย์แผนโบราณต่อจากที่เคยได้ศึกษาจากหลวงพ่อทรัพย์ โดยศึกษาอย่างจริงจัง

จนได้รับนิมนต์ให้ไปบรรยายวิชาแพทย์แผนโบราณกับหน่วยงานของทางราชการ หน่วยงานเอกชน

ยามว่างงานด้านการรักษาโรค ก็ศึกษาข้อกัมมัฏฐานและหมั่นเพียรปฏิบัติสมาธิกัมมัฏฐานอย่างเอาจริงเอาจัง

นอกจากนี้ หลวงพ่อสมได้ไปศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับน้าแท้ๆ ของท่าน คือ หลวงน้าเก็บหรือหลวงพ่อเก็บ แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท

สำหรับหลวงพ่อเก็บนั้นเป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า

เมื่อได้มาอยู่กับหลวงน้าของท่านที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ตั้งใจศึกษาวิทยาคมสาย หลวงปู่ศุขอย่างจริงจัง จนมีความสำเร็จ
ส่งผลให้วัตถุมงคลที่ท่านร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต
 มีความเข้มขลัง ได้รับการยอมรับจากบรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง หลวงพ่อสมมรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 01.15 น. วันที่ 10 มิ.ย.2557

สิริอายุ 85 ปี พรรษา 61








ขอจองครับ



1306.วัวธนูพอกครั่งลงชาดปิดทอง ครูบาเจ้า นันตา นันโท วัดทุ่งม่านใต้ จังหวัดลำปาง แท้ทันยุค สุดยอดเครื่องรางแดนล้านนา ป้องกันภยันตรายจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆนานา
ปกป้องคุ้มครอง สร้างน้อย หายาก นานๆจะออกมาให้เห็นที
  เปิดบูชา 2,300-






ตามประวัติท่านเป็นพระธุดงค์มาจากฝั่งลาวเป็นเกจิ ร่วมยุคกับครูบาเจ้า ศรีวิชัย นักบุญแห่งล่านนา จึงเป็นเกจิอาจารย์ยุคต้นของล้านนาก็ว่าได้
และเป็นต้นตำรับการทำกะลาราหู และเครื่องรางต่างๆมากมายที่โด่งดังของล้านนา และเครื่องรางอีกชิ้นหนึ่งที่เป็นเครื่องรางที่ได้รับการกล่าวขานกันมากถึง
ความขมังเวทย์ช่วยปกป้องเจ้าของจากภยันตรายจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆไม่ว่าจะถูกทำคุณไสย ผีเข้า ตลอดจนเฝ้าบ้านเรือน วัวธนูพอกครั่ง ของครูบาเจ้านันตา นันโท
ถือได้ว่าแทบจะเป็นต้นฉบับของวัวธนูในเมืองไทยก็ว่าได้


 วัวธนูของท่าน สร้างน้อย หายากมาก เพราะจริงๆแล้วท่านทำขึ้นให้เฉพาะลูกศิษย์ที่เดือดร้อนจริงๆแล้วมาขอให้ท่านทำให้ท่านถึงจะทำให้เอาไว้บูชา
จึงเป็นที่แสวงหาของนักสะสมเครื่องรางล้านนาและไม่แปลกอะไรเลยที่วัวธนูของท่าน จึงเป็นที่นิยมติดอันดับต้นๆของเครื่องรางล้านนา

ารสร้างวัวธนูแต่ละครั้งต้องดู ฤกษ์ ดูยาม ที่เหมาะสมจึงจะลงมือปั้นวัวธนูจากครั่ง วัวธนูของท่านมักมีการลง รัก ชาด ทอง เป็นเอกลักษณ์
พอทำการปั้นวัวเสร็จสมบูรณ์แล้วจึงทำพิธีปลุกเสกกำกับอีกครั้งในแต่ละครั้งท่านมักจะทำให้เสร็จภายในวันเดียว และนำออกแจก ให้กับลูกศิษย์เอาไว้บูชา
เมื่อนำวัวไปบูชาทั้งพกติดตัวหรือบูชาภายในบ้านอย่างถูกวิธีมักให้คุณอเนกอนันต์

การบูชามักนำวัววางลงในพานที่สะอาดมักนิยมนำหญ้าสด และน้ำสะอาด รวมทั้งดอกไม้ขาว พร้อมน้ำอบน้ำปรุง ถวาย ผู้ที่บูชามักอยู่ร่มเย็นเป็นสุขและทำอะไรมักสำเร็จดังใจหมาย
จงหมั่นบูชาเถิด ทั้งป้องกันภยันตรายต่างๆ เฝ้าบ้านเฝ้าเรือน ดีนัก นอกจากนี้การทําวัวธนูสมัยก่อนครูบานันตาท่านจะปลุกเสกจนวัวขยับได้ดิ้นได้ ถ้าตัวไหนไม่ดิ้นหรือไม่ขยับตัว
ตัวนั้นใช้ไม่ได้ต้องปลุกเสกจนดิ้นได้เป็นอันว่าเสร็จพิธี ถึงขั้นหลวงพ่อน้อยวัดศีรษะทองท่านยังต้องมาแลกเปลี่ยนวิชาการทํากะลา และวัวธนูกับครูบาท่าน เป็นของดีที่หายากเด่นในด้าน
 ค้าขาย เสริมดวง กันผี กันคุณไสย เสนียดจัญไร  สําหรับตัวนี้พกติดตัวได้สะดวกสบาย ห้อยคอได้ครับ น่าใช้บูชามาก ๆ ลงรัก
 ชาดทองเก่า ๆ ตัวนี้เจ้าของเก็บรักษาไว้ดีมาก ๆ  ไม่ได้ใช้ครับผม








ขอจองครับ



1308.เปิดของหายาก หนุมานครั่งแก้ว หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด ธนบุรี กทม. สุดยอดเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อ
นานๆเจอที เด่นทางแคล้วคลาดปลอดภัยครับ เปิดบูชาแบ่งปัน นำไปเลี่ยมขึ้นคอได้เลยครับ สวยสมบูรณ์
   1,500-

หนุมานเนื้อครั่งแก้ว 2 สี
หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด ธนบุรี
: เป็นเครื่องรางที่หลวงพ่อโอภาสีสร้างไว้ทำมาจากครั่งแก้ว(ทำมาจากกระเบื้องหรือครั่ง) เป็นรูปหนุมานในกรอบสี่เหลี่ยมมีสีแดงและสีดำด้านหลังจะเรียบและเจาะรูไว้สำหรับร้อยเชือก ด้ายเจ็ดสี หรือสายสิญจน์
ว่ากันว่าในการปลุกเสกพระเครื่องของหลวงพ่อโอภาสี
ในทุกพิธีท่านจะนำวัตถุมงคลห่อผ้าแล้วผูกห่อวัตถุมงคลเหล่านั้นด้วยเชือกด้ายเจ็ดสีมีสายสิญจน์ระโยงระยางมาสู่แท่นต่างๆในปรัมพิธีปลายสายสิญจน์สุดท้ายจะมีหนุมาณเนื้อครั่งแก้วร้อย
ติดอยู่ เมื่อเสร็จพิธีลูกศิษย์มักจะต่างรอกันตัดเก็บไว้บูชา นับเป็นอีกสุดยอดเครื่องรางที่ปัจจุบันพบเจอได้น้อยแล้วครับ















 

ติดต่อผู้ดูแลเว็บ หรือ สนใจลงโฆษณา โทร ๐๘๖๒๒๒๐๐๕๕

อีเบย์ อุดรธานี ร่ม รับนำเข้าสินค้าจากจีน power bank กระบอกน้ำ ของพรีเมี่ยม แฟลชไดร์ฟ plc mitsubishi ปากกา taobao เฟอร์นิเจอร์ แหวนเพชร servo motor mitsubishi