[Thesun]พระกรรมฐานพ่อแม่ครูอาจารย์และพระเกจิอาจารย์ทั่วไป(อ่าน 648064 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

1483. รูปหล่อรุ่นแรก หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง  ปี24 สวยๆ มาพร้อมกล่องเดิม เปิดบูชาแบ่งปัน 1200-


  หลวงพ่อเมือง อุตฺตโม
วัดท่าแหน ตำบลแม่ทะ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง

"พระผู้มีอตีตังสญาณ ผู้หยั่งรู้"




 ว่ากันว่าหลวงพ่อเมือง แห่งวัดท่าแหนเป็นเกจิที มีชื่อเสียงไม่น้อยไปกว่าหลวงพ่อเกษมเลยทีเดียวแต่งดังในภาคเหนือเสียมากกว่าหลวงพ่อเกษมที่ดังไปทั่วประเทศท่านเป็นที่สุดด้านการตวรจดวงชะตา ท่านเป็นพระเกจิที่ได้รับกิจนิมนต์ไปปลุกเสกพระเครื่องทั่วประเทศไทยมากที่สุดอีกรุปของชาวลำปางในสมัยนั้นแม้นคนทั่วไป(ภาคอื่น)จะไม่ค่อยรู้จักท่าน แต่ในหมู่สงฆ์ด้วยกันับ่าท่านเป็นที่ยอมรับมากๆ
    ตามประวัติพระเกจิอาจารย์ ผู้หยั่งรู้ดินฟ้า อนาคตต่างๆในยุคที่ท่านยังอยู่เป็นที่พึ่งของชาวบ้านผู้ทุกข์ยากหนักใจต่างๆ และลากลับไปด้วยวิธีแก้ไขปัญหาที่หลวงพ่อชี้แนะแนวทางและวิธีดำรงตนอย่างดีๆ ให้กับลูกศิษย์ แม้แต่หลวงพ่อเกษม เขมโก พระอรหันต์แห่งลำปางยังแนะนำให้ลูกศิษย์ที่ต้องการตรวจดวงชะตาให้ไปหา หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน ในลำปางยุคนั้นไม่มีท่านใดเด่นด้านทำนายทายทัก เกินท่านอาจารย์เมือง
    หลวงพ่อเมือง ท่านเป็นสหธรรมมิกกับท่านพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ซึ่งท่านพระอาจารย์ทิม ยังได้นิมนต์หลวงพ่อเมือง ให้ไปร่วมปลุกเสกหลวงปู่ทวด ทุกรุ่นตั้งแต่ ปี 05 ด้วย


ftp://
หลวงพ่อเมือง ท่านเสาะแสวงหาหนทางวิธีวิปัสสนากัมมัฏฐานไปแทบทั่วทุกแห่ง เมื่อครั้งที่พระเทพวิสุทธิโสภณ (อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง) ในปี พ.ศ.2473 ขณะนั้นยังเป็นพระสิงห์คำได้ไปตรวจตราคณะสงฆ์
แทน เจ้าคณะมณฑลพายัพกับพระมหาปู อัตตลีโว อดีตเจ้าคุณอุบาลีคณูปมาจารย์  วัดพระสิงห์เจ้าคณะภาค 5 ได้ตรวจไปจนถึงวัดท่าแหน พบหลวงพ่อเมืองอยู่ในกุฎิมืดทึบไม่มีหน้าต่าง
 มีแต่ช่องลมเล็กๆ ประมาณคืบเศษ มีเนื้อตัวผอมเหลือง จึงได้ถามหลวงพ่อเมืองว่าเป็นโรคอะไร
หลวงพ่อเมืองก็ได้ตอบว่าไม่เป็นอะไร และภายหลังได้ทราบว่า หลวงพ่อเมืองท่าเป็นพระชอบอยู่ป่าช้าเจริญสมถะ และวิปัสสนากัมมัฏฐานเพ่งกสิณอยู่เป็นนิจ กระทั่งวันหนึ่ง
 หลวงพ่อเมืองได้เป็นพบคำภีร์โบราณ (หนังสือภาคพายัพ) ในตู้พระไตรปิฎก ณ วัดบ้านหลุก ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ได้ทราบถึงวิธีปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในขณะที่อ่านนั้น
ท่านก็ได้สัมผัสกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกลิ่นหอมมาก หลวงพ่อเมืองไม่เคยได้สัมผัสกลิ่นชนิดนี้มาก่อน ดังนั้นหลวงพ่อเมืองจึงขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดบ้านหลุก
นำเอาตำราวิปัสสนากัมมัฏฐานนี้กลับไป วัดท่าแหน เพื่อศึกษาและปฏิบัติ โดยศึกษานานอยู่ 6 ปี จึงสามารถกระทำจิตใจให้แน่วแน่เป็นสมาธิได้ คือสามารถรวมใจเป็นดวงเดียว
 ซึ่งเรียกกันว่า บริกรรมนั่งทางใน จนสามารถนั่งทางในมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่คนธรรมดาสามัญมองไม่เห็นได้ ตั้งแต่นั้นมาก็มีลูกศิษย์ลูกหาให้ท่านนั่งทางในดู
หลวงพ่อเมืองก็สามารถทำนายทายทักให้ถูกต้องแม่นยำ หรือแม้กระทั่ง หลวงพ่อเกษม เขมโก
 ยังได้เอ่ยกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์ทรงตรัสถามหลวงพ่อเกษมว่า "ชาติที่แล้วพระองค์ทรงเป็นนักรบใช่หรือไม่" หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ตอบพระองค์ท่านว่า
"เราไม่รู้สิต้องไปถามหลวงพ่อเมือง ท่านมีอตีตังสญาณ" แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อเกษม ทราบดีว่า หลวงพ่อเมือง ได้สำเร็จในการปฏิบัติธรรมถึงขั้น ทิพย์จักษุฌาน
ซึ่งเป็นระดับความสำเร็จของการปฏิบัติกัมมัฏฐานขั้นสูงชั้นหนึ่ง
     
     หลวงพ่อเมือง ได้ช่วยเหลือประชาชนด้วยความกรุณา โดยไม่เลือกชั้นวรรณะมีหรือจน ท่านปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเท่าเทียมทั่วกัน โดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยาก
ท่านช่วยเหลือประชาชนในด้านสุขภาพ และเดือดร้อนประการอื่นๆ ด้วยการนั่งสมาธิแล้วแจ้งให้ผู้มาขอความช่วยเหลือได้ทราบถึงมูลเหตุ และแก้ไขด้วยวิธีต่างๆ เช่น ทำบุญให้ทาน
หรือกำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคและเป็นมูลเหตุให้เกิดความเดือดร้อนที่ได้ขุดพบ ซึ่งทั้งนี้เป็นผลที่พอใจของทุกคน ฝูงชนจึงได้หลั่งไหลไปสู่วัดท่าแหนไม่ขาดสายบางวันก็มาเต็มคันโดยสาร
 และค้างคืนที่วัดก็มี ที่กรุงเทพมหานครก็เช่นกันหากหลวงพ่อเมืองมาพัก ณ วัดใด ฝูงชนจะพากันไปวัดนั้นอย่างคับคั่ง
 
     ถึงแม้นท่านจะมีความเมตตาธรรมต่อผู้อื่นทั่วไปอย่างไรก็ตาม แต่ทุกชีวิตที่เกิดย่อมที่จะหนีไม่พ้นสังขารไปได้ ดังนั้นเมื่อปลายแห่งชีวิต โรคภัย ไข้ เจ็บ ก็เริ่มคุกคามหลวงพ่อเมือง
จนกระทั่งศิษยานุศิษย์ได้นำท่านไปรักษายังโรงพยาบาลหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายได้นำท่านไปทำการผ่านตัด และรักษาที่โรงพยาบาลสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
แต่อาการของหลวงพ่อก็ไม่ดีขึ้น ในที่สุดเห็นว่าอาการไม่ดีขึ้น ศิษยานุศิษย์จึงได้นำท่านกลับมายังวัดท่าแหนและแล้วหลวงพ่อเมืองก็ได้ถึงแก่มรณภาพ ณ วัดท่าแหน
 สิริรวมอายุได้ 85 ปี ซึ่งนำความเศร้าโศกเสียใจมาสู่ญาติพี่น้องและคณะศิษยานุศิษย์ ประชาชนทั่วไป ที่ได้สูญเสียท่านพระครูอุดมเวทวรคุณ (หลวงพ่อเมือง อุตฺตโม)
ไปอย่างไม่มีวันกลับ













1484.แหวน "สารพัดกัน" หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา จ.ปราจีนบุรี ปี2495 สร้างแจกทหารที่ไปออกรบในสงครามอินโดจีน มีประสบการณ์มากมายครับ หายาก
สุดยอดเครื่องรางในทำเนียบหลวงพ่อจาด ผ่านมา 70 ปีแล้ว แหวนยังสภาพสมบูณ์
เปิดบูชา 2,500- อยู่มือสายตรงหลักพันกลางขึ้นครับ เหรียญรุ่นแรกท่านราคาเช่าหาหลักหลาย
แสนถึงล้านครับ


พระเกจิอาจารย์ที่กล่าวขานในยุคสงครามอินโดจีน สงครามมหาเอเชียบูรพา คนนิยมสะสมพระเครื่อง คงไม่มีใครไม่รู้จัก ต้องเคย ได้ยิน จาด จง คง อี๋
ซึ่งชื่อเสียงเรียงนาม เลื่องชื่อความขลังมากในยุคนั้นครับ


ปิดท่าน j999 ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2021, 12:19:35 AM โดย thesun »



1484.แหวน "สารพัดกัน" หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา จ.ปราจีนบุรี ปี2495 สร้างแจกทหารที่ไปออกรบในสงครามอินโดจีน มีประสบการณ์มากมายครับ หายาก
สุดยอดเครื่องรางในทำเนียบหลวงพ่อจาด ผ่านมา 70 ปีแล้ว แหวนยังสภาพสมบูณ์
เปิดบูชา 2,500- อยู่มือสายตรงหลักพันกลางขึ้นครับ เหรียญรุ่นแรกท่านราคาเช่าหาหลักหลาย
แสนถึงล้านครับ


พระเกจิอาจารย์ที่กล่าวขานในยุคสงครามอินโดจีน สงครามมหาเอเชียบูรพา คนนิยมสะสมพระเครื่อง คงไม่มีใครไม่รู้จัก ต้องเคย ได้ยิน จาด จง คง อี๋
ซึ่งชื่อเสียงเรียงนาม เลื่องชื่อความขลังมากในยุคนั้นครับ


















ขอจองครับ



1485.รูปถ่ายหลังตะกรุดจารมือ หลวงปู่เคน เขมสโย วัดป่าหนองหว้า อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร วัตถุมงคลยุคแรกๆของหลวงปู่ที่ทำแจกลูกศิษย์ครับ หายาก ศิษย์เก็บหมด
ส่วนมากอยู่ทางแถบวัดและในพื้นที่ครับ
เปิดบูชา 700- ปิดท่านj999ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 16, 2021, 12:00:03 AM โดย thesun »



1486.เปิดบูชาพระคำข้าว รุ่น2 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง บล็อคนิยมสุดบัวหลายจุด พุทธคุณ พุทธานุภาพ เกินบรรยายครับ ยุคนี้ตอนนี้ตรงตามคำทำนาย
พระเดชพระคุณหลวงพ่อต้องมีติดตัว องค์นี้มีคราบแป้งเดิมๆครับ
เปิดบูชาแบ่งปัน 2500- ราคากลาง 3000-4000 พันครับ สายตรงนิยมแบบนี้เปิดบูชาแพงเลยครับ

สมเด็จพระหางหมาก (หางพลู) และ พระคำข้าว

… และก็พระที่ทำคราวนี้นะ บอกอานิสงส์ไว้ก่อนนะ ตามคำหนังสืออธิบายหนะมีอยู่แล้ว ให้ทุกคนปฏิบัติตามหนังสือที่อธิบายไว้ แล้วก็โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยังไม่อธิบาย คือว่าเมื่อเช้ามืด เวลาตีห้า พระพุทธเจ้าบอกว่า การปลุกเสกพระคราวนี้ เรื่องรังสีต่างๆไม่ต้องวิตกกังวล ท่านทำภาพให้ดู ว่าคนที่มีพระอยู่แล้ว รังสีเข้ามา กลุ้มเข้ามา ห่างประมาณสี่เมตร จะถอยกลับทันที …
…พระหางพลูกับพระคำข้าว ทุกอย่างมีผลคล้ายคลึงกัน แต่ทว่าพระหางพลูค่อนข้างจะไปทางด้านบู๊มากกว่า งั้นห้อยไว้ทั้งสององค์หนะดี พระคำข้าวไปหาลาภ ลาภมาก พระหางพลูนี่ก็ลาภมาก แต่ว่าหนักไปทางต่อสู้ นั่นก็หมายความว่า ถ้าเค้าลือว่า รังสีหรือวัตถุเคมีอาวุธเคมี มีที่ไหน ถ้ามีพระหางพลูติดไป ท่านจะไม่มีอันตรายจากวัตถุเคมีอันนั้น…

ถอดจากเสียงองค์หลวงพ่อจากพิธีพุทธาภิเษกพระหางหมากเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2533 (
)

เกร็ดความรู้บางอย่างที่หลวงพ่อพูดถึงเกี่ยวกับพระคำข้าว
  (คัดลอกบางตอนจากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๙ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)

         อันดับแรกที่เราจะทำอะไรทั้งหมด ตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงด้วยความเคารพ เพื่อหวังพระนิพพานก็ตาม นึกถึงเพื่อขอลาภสักการะก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน อันดับแรกนะ อย่างมี พระคำข้าว- พระคำข้าวน่ะ หนักไปในทางลาภสักการะ อย่างอื่นก็มีหมด แต่ลาภน่ะหนักมาก และก็หยิบขึ้นมาพนมมือ สาธุ ว่า นะโม ตัสสะ ใช่ไหม ว่านะโมตัสสะ ด้วยความเคารพ และอธิฐานว่า วันนี้ต้องการ...(ลาภอย่างไร)

          เป็นอันว่า เราอยากจะให้ค้าขายดี ทำราชการดี เมตตาปราณี อะไรก็ตามเถอะ ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเรานึกถึงพระพุทธเจ้า เราขอบารมีจากท่าน อย่างนี้ถือว่า เป็นฌานในพุทธานุสติกรรมฐาน ถ้านึกถึงทุกวันน่ะ ถ้าถึงเวลาแล้วต้องทำอย่างนั้นทุกวัน ถ้าไม่ทำแล้วไม่สบายใจ นั่นเป็นฌานในพุทธานุสติ เป็นของง่าย ๆ เพราะวันนี้ท่านบอกให้พูดง่าย ๆ ใช้วิธีง่าย ๆ นะ ก็ว่าตามท่าน

     ...ทีนี้เมื่อเมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัท นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าลืมพระที่ คอ นี่คือพระพุทธเจ้า อย่าง พระคำข้าว เป็นพระพุทธชินราช อย่าลืมน่ะ คือก็เหมือนกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งนั่นแหละ เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าท่าน และเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านก็มาทำ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะ พูดให้ฟัง คือเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าทุกองค์เสด็จมาหมด องค์ปฐมเป็นประธาน อยู่ข้างบนใช่ไหม และ องค์ปัจจุบันคุมฉัน ท่านปล่อยกระแสจิตพุ่งสว่างเป็นลำพุ่งมาที่ใจฉัน แล้วบอกเธอนั่งนิ่งๆ อย่าคิดถึงเรื่องอะไรทั้งหมด ห้ามดูอะไรทั้งหมด ให้ทรงอารมณ์เฉยๆ ๑๐ นาที ก็ทำตามท่าน แล้วท่านก็สั่งว่า ให้ว่าอิติปิโสฯ หลัง ๑๐ นาทีแล้ว ท่านบอกดูได้พุ่งใจไปที่ของได้ พอพุ่งใจไปที่ของ ที่เห็นเป็นลำ ไม่เห็นของที่ปลุกเลย แสงพระพุทธเจ้ากลบหมด หนามาก พระคำข้าว เด่นทางมหาลาภ มีรูปพระพุทธชินราช (พระพุทธกัสสป) ด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ

 หลวงพ่อเคยบอกเกี่ยวกับราคาพระคำข้าวในอนาคต
 
  (ท่านพูดไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ในหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๒๓ ประจำเดือนพฤษภาคม หน้า ๑๕)

       อีก ๓๐ ปี พระคำข้าวจะมีค่าบูชาหลายหมื่น นี่ก็ผ่านมาแล้ว ๑๖ ปีครับ ก็ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ครับ...ท่านพูดไว้ดังนี้ครับ

-หลวงพ่อ: ...."ก็ก่อนจะทำ (ทำพระคำข้าว) พระพุทธเจ้าท่านบอกแล้วให้ทำ บอกให้มันรวยทั้งวัดทั้งบ้าน คือว่าเอาไปขึ้นราคานิดหน่อยใชไหม ๑๐๐, ๒๐๐
 ไม่หนักนัก อีก ๓๐ ปีหลายหมื่น


เรื่องอานุภาพพระคำข้าว-พระหางหมาก

 
(คัดลอกบางตอน จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๒๖๖ )

           เกล้ากระผม ได้บูชาพระหากหมาก และพระคำข้าวของหลวงพ่อ ไปเมื่อกลางปี พ.ศ. ๒๕๓๔ จะเป็นวันเดือนใดจำไม่ได้ ได้เอาพระคำข้าว และพระหางหมาก และเหรียญของหลวงพ่อ มอบให้ลูกเขยคนเล็กชื่อ อนันต์ ... อยู่บ้านเลขที่ ๑๘๒๐ ซอยสุขศรีเฉลิมพจน์ ถนนกรุงเทพ-นนท์ เขตดุสิต กรุงเทพฯ แกเอาพระคำข้าวและพระหางหมาก เหรียญของหลวงพ่อติดตัวไป และวางไว้หน้ารถแท็กซี่ ในขณะขับไป บังเอิญเด็กวิ่งตัดหน้ารถ เบรกไม่ทัน รถแท็กซี่ได้ชนกับเด็ก กระเด็นไป ๔-๕ วา กระโปรงหน้ารถยนต์ฉีก และได้อุ้มเอาเด็กขึ้นรถไปโรงพยาบาล ขอให้แพทย์ช่วยตรวจ และเอ็กเรย์ให้ ปรากฏว่าหมอบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จะฟกช้ำดำเขียว ถลอกก็ไม่มี นี่เป็นที่น่าอัศจรรย์รถชนขนาดนี้ไม่มีเหลือสักราย หรือมิฉะนั้นก็ป่วยหนักเสียสุขภาพ นี่กลับไม่เป็นอะไรเลย ก็เพราะบุญของหลวงพ่อได้คุ้มครองป้องกัน และเมื่อให้หมอตรวจดูปลอดภัยแล้ว ลูกเขยก็นำขึ้นรถกลับบ้าน และมอบเงินบำรุงขัวญ ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ และก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งนี้เพราะอำนาจศักดิ์ของพระคำข้าว และพระหางหมาก และเหรียญหลวงพ่อคุ้มครอง


เรื่อง อานุภาพพระคำข้าว-พระหางหมาก

 (ของคุณเพียร ...คัดลอกจากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๔๑๘-๔๑๘...)

          ..เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ ก็ได้เดินทางไปทำงานอยู่ที่ประเทศบาห์เรน ต้นปี ๒๕๓๔ ก็เกิดมีสงครามในอ่าวเปอร์เซีย แต่ก่อนที่จะทำสงคราม ก็รู้ล่วงหน้าว่า กองทัพอเมริกันต้องบอมบ์ซัดดัมแน่ คนไทยในบารห์เรนกลับกันเยอะ ชาวต่างชาติก็หนีกลับบ้านเมืองของตนเองเกือบหมด ข้าพเจ้าอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้ เขาลือกันว่าบาห์เรนจะต้องจมทะเลถ้าอิรัคเข้ายึกซาอุฯ ได้ เพราะว่าบาห์เรนเป็นเกาะเล็กๆ และมีทางออกทางเดียวคือทางที่จะไปซาอุฯ คือระหว่างประเทศบาห์เรนกับซาอุฯ นี้ จะมีสะพานในทะเล เชื่อมถึงกันยาวกี่กิโลข้าพเจ้าไม่ทราบ แต่ว่านั่งรถไปใช้เวลา ๑ ชั่วโมง ก็ถึงเขตของประเทศซาอุฯ และช่วงสงครามนั้น สนามบินก็ปิด ข้าพเจ้ามาอยู่ที่บาห์เรน ก็ไม่ได้ทิ้งกรรมฐานที่หลวงพ่อสอนไว้ และข้าพเจ้าก็ได้ขึ้นไปถามสมเด็จว่า ข้าพเจ้าจะได้รับภัยจากสงครามครั้งนี้ไหม พระองค์ท่านก็ตอบว่าไม่มี แต่ข้าพเจ้ายังมีกิเลสอยู่มาก ก็อดสงสัยไม่ได้

         ข้าพเจ้าก็เลยอธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อว่า ถ้าลูกจะได้รับอันตรายจากภัยสงครามครั้งนี้ ก็ขอให้หลวงพ่อดลใจให้ลูกคิดอยากจะกลับบ้านด้วยเถิด ความรู้สึกในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่รู้สึกกลัวภัยสงคราม และไม่อยากกลับบ้านเลย พออธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อแล้ว ก็มีความรู้สึกเหมือนเดิมคือไม่อยากกลับบ้าน ข้าพเจ้าก็เลยไม่ได้กลับ ในระหว่างสงครามทุกคืน จะมีสัญญานหวอเตือนภัยดังขึ้น เวลาที่หวอดังนั้นก็ไม่เป็นเวลาคือบางทีก็หัวค่ำ บางทีก็สี่ห้าทุ่ม บางครั้งตอนกลางวันก็ยังมี ประชาชนที่เดินอยู่ตามถนน เมื่อได้ยินเสียงหวอดังขึ้น ทุกคนจะพยายามวิ่งหาที่หลบ ที่คิดว่าปลอดภัย โดยทางรัฐบาลบาห์เรนเขาได้สอนให้ประชาชนทุกคน รู้ถึงวิธีป้องกันตัวอย่างไร จึงจะพ้นจากสารพิษที่อิรัคจะยิงมา ทุกคนกลัวกันมาก เรื่องสารพิษ แต่พวกลูกๆ ของหลวงพ่อไม่กลัวกันเลย เพราะลูกๆ ของหลวงพ่อทุกคน มี พระหางหมาก ติดตัวกันทุกคน และเมื่อฝ่ายอิรัคยิงระเบิดมาซาอุฯ หรือบาห์เรนเมื่อใด ก็จะมีเสียงหวอเตือนภัยให้ประชาชนได้ทราบ ข้าพเจ้าคิดแต่เพียงว่า ถึงคราวที่จะต้องตาย ไม่มีใครช่วยข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าพร้อมที่จะตายทุกเวลา แต่ถ้ายังไม่ถึงคราวตายแล้ว องค์หลวงพ่อช่วยข้าพเจ้าได้แน่ ข้าพเจ้าก็เกิดความอบอุ่นใจไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย

          อีกทั้งข้าพเจ้าเคยได้ยินหลวงพ่อพูดว่า อิทธิฤทธิ์ใดๆ ก็ไม่เท่าอิทธิฤทธิ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้ายึดพุทโธเป็นที่พึ่ง ถ้าจะตายก็ตายพร้อมพุทโธ กลางวันเขาก็ทำสงครามกันภาคพื้นดิน กลางคืนเขาก็ทำสงครามกันทางอากาศ ฝ่ายอิรัคเขาก็ยิงมาที ๒-๓ ลูก หวังจะบอมพ์บาห์เรน แต่ก็ถูกทหารอเมริกันยิงสกัดเอาไว้ได้ ลูกระเบิดก็จะระเบิดกลางอากาศ แล้วก็กระจายตกทะเลไปหมด แต่ก็มีบางครั้ง ที่อิรัคยิงมาหลายลูก ทางทหารอเมริกันสกัดได้ไม่หมด ก็ลงบาห์เรน แต่ไปลงในทะเลทราย พอสงครามสงบลงบาห์เรนปลอดภัยไม่เป็นอะไร ข้าพเจ้าคิดว่าช่วงสงครามสองเดือนกว่าๆ นั้น บาห์เรนไม่น่าจะรอดมาได้ แต่ด้วย อานุภาพพระคำข้าว-พระหางหมาก และองค์หลวงพ่อ บาห์เรนถึงปลอดภัยมาได้ เพราะลูกหลานอยู่ที่บาห์เรนมีไว้บูชากันทุกคน ยิ่งช่วงสงครามพากันปลุกพระทุกวัน คนที่ไม่เคยปลุกพระก็ปลุกพระเป็นไปกับเขาด้วย และก็ไม่มีใครทุกข์ใจเกี่ยวกับภัยสงครามเลย 





บัวฐานพระจะมีจุดลึกลงไป




1487.พระสังกัจจายน์เนื้อผง พิมพ์เล็ก หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่ ผสมเกศา จัดสร้างโดย คุณธงชัย อุดมความสุข
ล้อพิมพ์กับพระสังกัจจายน์ของหลวงปู่โต๊ะ เนื้อผงมวลสารดี มีเส้นเกศาของหลวงปู่สิม พระผงรุ่นนี้หายาก จำนวนสร้างน้อยครับ รุ่นนี้สร้างด้วยกัน2พิมพ์
พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็กครับ..องค์นี้พิมพ์เล็กครับ สวยสมบูรณ์
เปิดบูชา 700-
















1485.รูปถ่ายหลังตะกรุดจารมือ หลวงปู่เคน เขมสโย วัดป่าหนองหว้า อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร วัตถุมงคลยุคแรกๆของหลวงปู่ที่ทำแจกลูกศิษย์ครับ หายาก ศิษย์เก็บหมด
ส่วนมากอยู่ทางแถบวัดและในพื้นที่ครับ
เปิดบูชา 700-






ขอจองครับ



1488.เปิดตะกรุดเลื่องชื่อของอยุธยา ตะกรุดมหาอำนาจ หรือ ตะกรุดดำ หลวงพ่อจำลอง วัดเจดีย์แดง จ.อยุธยา ขนาด 3 นิ้ว เสกไตรมาส ปี48 เอกลักษณ์หัวตะกรุดลงยาแดง
 สภาพสมบูรณ์ เลื่องชื่อ เด่นมากในทาง แคล้วคลาด คงกระพัน
เปิดบูชา 1200- สมัยก่อนบูชาจากวัดดอกละ 1800-ครับ




เหนียวจริงๆ!! "ตะกรุดดำ หลวงพ่อจำลอง" กรีดหลังกันเห็นๆเลือดออกแค่ยางบอน! ไม่เชื่อลองยิง 4 นัด ไม่มีออก

หลวงพ่อจำลอง วัดเจดีย์แดง อยุธยา

 เป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียง ลูกศิษย์ ลูกหามากมายทั้งนอกและในตัวจังหวัดอยุธยาเอง สังเกตจากกิจนิมนต์ของท่านในงานพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่มีเกจิอาจารย์ชื่อ ดังมาร่วม ท่านจะเป็นหนึ่งในนั้นเสมอ ตอนที่กระแสจตุคามกำลังมาแรงหลวงพ่อไม่ค่อยได้อยู่วัดเพราะติดกิจนิมนต์แทบ ทุกวัน
วัตถุมงคลของท่านที่รู้จักกันดีและขึ้น ก็คือ ตะกรุด
ซึ่งตะกรุดของหลวงพ่อทำตามตำรับโบราณซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ทำจากตะกั่วรีดเป็นแผ่น ลงยันต์เฉลียวเพชร ม้วนกลมแล้วถักด้วยด้ายสายสิญจน์ นำมาลงรักปิดทอง

ตะกรุดของท่านมี 4 อย่าง คือ ตะกรุดดำ แดง สาริกา และตะกรุดไตรมาส ซึ่งพุทธคุณในแต่ละดอกหรือวาระการทำก็จะมีความคล้ายหรือแตกต่างกันออกไปบ้าง

ตะกรุดแดงให้พุทธคุณด้านเมตตามหานิยม เจรจา ค้าขาย
ตะกรุดดำมีพุทธคุณด้านมหาอำนาจ แคล้วคลาด คงกระพัน
ตะกรุด(คู่)สาริกามีพุทธคุณด้านเมตตา มหาเสน่ห์ เจรจา ค้าขาย
ตะกรุดไตรมาส ปลุกเสกตลอดเข้าพรรษา รวมสุดยอดพุทธคุณ

ตะกรุดดอกดำ รวมสุดยอดประสบการณ์เมื่อก่อนใครจะรับดอกดำต้องรับพาน (รับพานครู) ความหมายก็คือรับแล้วต้องลองเลย ซึ่งในปัจจุบันไม่ต้องแล้ว ท่านคงอยากให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ของดีไว้ใช้เลยไม่ต้องรับพาน แต่ก็มีบางคนที่แน่วแน่ที่ขอรับพานครูในทันที เสียงหลวงพ่อบริกรรมคาถาพร้อมใช้มือลูบน้ำมนต์ลงไปที่หลัง หลวงพ่อในท่ากึ่งยืนกึ่งนั่งกดมีดแหลมคมลากเป็นแนวยาวทั่วหลังเป็นสิบครั้ง บนหลังมีแต่รอยลากนูนปนเลือดไหลซึมเป็นยางบอน แต่แผลไม่ฉีก พิจารณามีดที่หลวงพ่อส่งให้ดู สายตาทุกคู่และเสียงที่พึมพรำบนกุฏิอย่างอัศจรรย์ เหตุการณ์บนกุฏิยังติดตาผมและใครอีกหลายคนอยู่ เสียดายไม่ได้ติดกล้องไปด้วย

ตระกรุดดำส่วนมากจะพบเห็นในเหล่าผู้ชาย วัยรุ่น โดยเฉพาะตำรวจ ทหาร ที่ต้องเดินทางไปปฏิบัติงานที่ภาคใต้ก็มาบูชาจากท่านไปก็พอสมควร ถ้าท่านทราบก็จะนำเหล็กมาจานที่ตัวตะกรุดให้ด้วย
มีโอกาสพูดคุยกับพี่ๆทหาร บอกว่าจะนำไปติดตัวและให้เพื่อนเพราะมีประสบการณ์ตรงในพื้นที่ มีพี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างขับมาคนเดียวจากคลองสี่ ปทุมฯ แกไม่เคยมา
ขับไปถามทางเข้าวัดไป เสื้อวินก็ยังไม่ถอด มาเข้าแถวรอรับตะกรุดดำ เล่าว่าตอนเช้าเพื่อนที่วิน คุยท้าถึงความขลังของตะกรุดบนคอตัวเอง เลยท้านัดเอาปืนมายิงเพื่อพิสูจน์
 ผลออกมาว่าดอกดำของหลวงพ่อ ยิงไม่ออก 4 ลูก


อีกประสบการณ์หนึ่ง ตำรวจลองของในสนามยิงปืน ติดตะกรุดของสำนักต่างๆ บนเป้า ที่ระยะ 2 เมตร สิ่งที่เกิดคือตะกรุดของหลวงพ่อจำลอง ยิงไม่ออก ก็ถึงกับประหลาดใจ
 ตำรวจอีกคนที่มาด้วยหยิบปืนขึ้นมาเล็ง ครู่นึงต้องวางปืนบอกใจมันไม่นิ่ง ก็อดประหลาดใจว่าใช่พุทธคุณในตัวตะกรุดหรือไม่

จริงๆแล้วตะกรุดของหลวงพ่อทุกชนิดทุกดอก น่าจะมีพุทธคุณที่คล้ายกัน เพราะก่อนจะรับหลวงพ่อก็จะพรมน้ำมนต์และบริกรรมคาถากำกับด้วยเสียงที่เข้ม ขลัง
ก่อนส่งให้กับมือ  ยุคนี้คล้องวัตถุมงคลของหลวงพ่อติดตัวไปไหนดีกว่า เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวใจ ให้ระแวดระวัง มีสติ ให้ทำสิ่งดี ไม่อันตราย พุทธคุณหลวงพ่ออยู่ข้างกาย
คิดแค่นี้ก็อุ่นใจ
















1489.ล็อคเก็ตผ่านตลอดปลอดภัย หลวงปู่ผ่าน วัดป่าปทีปปุญญาราม บ้านเซือม ตำบลโพนแพง อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร อายุครบ 84 ปี ปี51
จัดสร้าง 300 องค์ อุดผง ฝังจีวร องค์นี้พิเศษ เจ้าของให้หลวงปู่เมตตาจารหมึกหลังล็อคเก็ตให้ด้วย รุ่นนี้นิยมครับ หายาก ไม่ค่อยพบเจอครับ
เปิดบูชา 1300-
ปิดท่าน mannano

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 18, 2021, 08:59:28 PM โดย thesun »



1490.เหรียญมหาลาภรุ่นแรก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ปี19 เด่นทางโภคทรัพย์ครับ เปิดบูชาแบ่งปัน 800-

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านพิจารณา แล้ว ท่านได้ตั้งชื่อเหรียญนี้ว่า เหรียญมหาลาภ พร้อมทั้งท่านได้กำหนดให้ใช้พระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าลงไว้ที่ด้านหลังเหรียญ
กำหนดฤกษ์ยามต่างๆ ด้วยองค์ท่านเอง  หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านอธิษฐานจิตเหรียญนี้ให้ตลอดไตรมาส ปี 2519 ที่วัดท่าซุง
" หลวงพ่อบอกว่าใครบูชาเหรียญนี้แล้ว เงินจะไม่ขาดมือ"







1489.ล็อคเก็ตผ่านตลอดปลอดภัย หลวงปู่ผ่าน วัดป่าปทีปปุญญาราม บ้านเซือม ตำบลโพนแพง อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร อายุครบ 84 ปี ปี51
จัดสร้าง 300 องค์ อุดผง ฝังจีวร องค์นี้พิเศษ เจ้าของให้หลวงปู่เมตตาจารหมึกหลังล็อคเก็ตให้ด้วย รุ่นนี้นิยมครับ หายาก ไม่ค่อยพบเจอครับ
เปิดบูชา 1300-










จอง



1491.พระปิดตารุ่นแรก "อุดมทรัพย์" หลวงปู่ปัน โพธิรังสี วัดแม่ยะ  อ.บ้านตาก จ.ตาก หายาก มาพร้อมกล่องเดิมๆ เปิดบูชา 700-


 พระเกจิเถราจารย์ยุคเก่าสายล้านนา พระอรหันต์แห่งบ้านตาก  ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเหมือนช้างเผือกในป่าครับ  หลวงปู่ครูบาปัน โพธิรังสี วัดแม่ยะ ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก จ.ตาก

+++++ประวัติของหลวงปู่ปัน โพธิรังสี (อายุ 102 ปี พรรษา 80)



หลวงปู่ปัน ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี ก็ประมาณ พ.ศ. 2450 ที่วัดสันดอนรอม โดยมีครูบามาเป็นพระบรรพชา ให้ท่านอยู่วัดสันดอนรอม ไม่นานก็ย้ายไปอยู่วัดประตูลี้
หรือ วัดสังฆาราม ปัจจุบันนี้ ต่อมาพี่น้องของหลวงปู่ปันได้ขอร้องให้สึกเพื่อไปช่วยกันทำนา เพราะทางบ้านยากจนมาก แต่หลวงปู่ปันไม่สึก ได้ย้ายไปอยู่วัดชัยมงคล
ขณะนั้นครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งลานนาไทย ได้มาเป็นประธานสร้างวิหารและเจดีย์พอดี ท่านจึงถือโอกาสไปช่วยงานจนกระทั่ง อายุล่วงเข้า 22 ปี จึงได้อุปสมบท หลวงปู่ปัน
เป็นคนยากจนจึงไม่ได้อุปสมบทในเวลาอันควร เจ้าราชภาติกวงศ์เห็นว่า หลวงปู่ปันเป็นเณรโข่งก็สงสาร จึงเป็นเจ้าภาพอุปสมบทให้ โดยมี ครูบากัณฑา วัดพระธาตุหริภุญไชย ลำพูน
 เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีครูบากัณฑะวงศ์ กับ ครูบาตัน เป็นคู่สวด ท่านได้จำพรรษาอยู่วัดไชยมงคลหลายพรรษา จึงออกเดินทางมาอยู่จังหวัดตาก จาริกแสวงบุญ

หลวงปู่ปัน ออกจากลำพูนมุ่งสู่จังหวัดลำปาง ต้องเดินทางผ่านดอยขุนตาลมา จนถึงจังหวัดลำปาง ได้พบกับหลวงปู่ฟ้าเยื้อนกำลังจะเดินทางไปนมัสการพระธาตุตะโก้ง
ประเทศพม่าก็ขอเดินทางไปด้วย โดยเดินทางผ่านจังหวัดตากและเข้าประเทศพม่าทางอำเภอแม่สอด เมื่อไปนมัสการพระธาตุตะโก้งแล้ว ก็อยู่ในพม่าอีกหลายเดือน
และได้กลับมาจังหวัดตาก ก่อนจะเข้าพรรษาในปีนั้นและได้กลับมาจำพรรษาอยู่วัดพร้าว อำเภอเมืองตาก จากนั้นไปวัดดงยาง อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก 1 พรรษา
ต่อมาได้ไปอยู่วัดป่ายางกิ่ง อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เมื่อเจ้าอาวาสวัดดงยางมรณภาพไป ทางวัดได้นิมนต์หลวงปู่ปันไปรักษาการแทนเจ้าอาวาสระยะหนึ่ง ต่
อมาเมื่อทางวัดมีเจ้าอาวาสแล้ว หลวงปู่ปันก็ได้รับนิมนต์ไปอยู่วัดหัวบ้าน อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก (ขณะนี้เป็นวัดร้างไปแล้ว) ท่านอยู่ 2 พรรษาก็ป่วยเป็นไข้มาเลเรีย
พระครูอินตา วัดป่ายางไปรับเอามารักษาตัวอยู่วัด แม่ยะ เมื่อหายดีแล้วก็เลยจำพรรษาอยู่ วัดแม่ยะ และอยู่ต่อมาจนกระทั่งเจ้าอาวาสวัดแม่ยะมรณภาพลง
ท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสแทนจนถึงปัจจุบันนี้ และได้มรณภาพที่วัดนี้สิริรวมอายุ 102 ปี พรรษา 80 รวมเวลาที่จำพรรษาที่วัดแม่ยะนี้ 64 ปี

การศึกษา หลวงปู่ปัน ชอบการศึกษาหาความรู้ทั้งทางอักษรศาสตร์โหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ สมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนต้องไปหาครูเรียนที่วัด ท่านเรียนอักษรลานนา
เมื่อบวชแล้วก็สวดปาฏิโมกข์ได้แม่นยำ สามารถสอนอักษรลานนาให้ลูกศิษย์ได้จำนวนมาก ท่านเดินทางไปพม่าหลายครั้ง ได้วิชาไสยศาสตร์และโหราศาสตร์มาจากพม่า
สามารถพูดภาษาพม่าได้  นอกจากนี้ยังมีความรู้ทางแพทย์แผนโบราณ ปรุงยาสมุนไพรช่วยรักษาผู้ป่วยได้ จนเป็นที่เลื่องลือของคนในละแวกนั้น ด้านการอบรมสั่งสอน
ท่าน ได้อบรมศีลธรรม  จารีตประเพณีให้แก่ศรัทธาประชาชนทั่วไป ตลอดจนญาติพี่น้อง จนทำให้การอบรมของท่านได้ผล ศรัทธาวัดแม่ยะ และหมู่บ้านใกล้เคียงใจบุญสุนทานมีความประพฤติปฏิบัติดี
มีความสามัคคีกัน โจรผู้ร้ายไม่มีทุกคนมีความเชื่อถือในหลวงปู่ปันมาก ลูกศิษย์ของท่านเคารพยำเกรงขยันหมั่นเรียน จนเรียนจบชั้นสูงๆ ก้าวหน้าในการงาน
บางคนได้ไปทำงานต่างประเทศ นำความผาสุกมาสู่ครอบครัว หมู่บ้านแม่ยะ จึงเป็นหมู่บ้านแผ่นดินทองแผ่นดินธรรมโดยแท้ ด้านสาธารณูปการ หลวง
ปู่ได้ร่วมกับศรัทธาประชาชนสร้างศาสนสถานหลายอย่าง เช่น วิหาร ศาลาธรรม ศาลาบาตร กุฏิหอ ระฆัง ห้องสรงน้ำ กำแพง ของวัดแม่ยะ ช่วยทะนุบำรุง โรงเรียนวัดแม่ยะ สุขศาลาบ้านแม่ยะ ให้ทุนการศึกษานักเรียนยากจน สร้างศาลาของฌาปนสถานบ้านแม่ยะ เป็นต้น หลวงปู่ท่านมีความเมตตา กรุณา โอบอ้อมอารี ท่านช่วยเหลือผู้ที่มาของความช่วยเหลือเสมอ แม้ชาวเขาก็เคยลงมาขอความเมตตาจากท่านอยู่เสมอ แม้ว่าท่านจากลำพูนมานานแล้ว ท่านก็ยังไม่ลืมได้ไปทอดผ้าป่าทางโน้นอยู่เนืองนิตย์ ก่อนท่านจะมรณภาพ ท่านได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งช่วยสร้างเจดีย์วัดสังฆารามด้วย จึงนับว่าหลวงปู่ของเราเป็นนักบุญโดยแท้ ที่พวกเราจะลืมไม่ได้
วาระสุดท้ายของชีวิต หลวง ปู่ปัน ได้ป่วยด้วยโรคชรามีอาการอ่อนเพลีย และได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 6 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 สิริรวมอายุได้ 102 ปี










1489.ล็อคเก็ตผ่านตลอดปลอดภัย หลวงปู่ผ่าน วัดป่าปทีปปุญญาราม บ้านเซือม ตำบลโพนแพง อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร อายุครบ 84 ปี ปี51
จัดสร้าง 300 องค์ อุดผง ฝังจีวร องค์นี้พิเศษ เจ้าของให้หลวงปู่เมตตาจารหมึกหลังล็อคเก็ตให้ด้วย รุ่นนี้นิยมครับ หายาก ไม่ค่อยพบเจอครับ
เปิดบูชา 1300-










จอง

ขอบพระคุณครับ



1492.เปิดของเก็บเก่าสะสม เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ลือ ปุญโญ วัดป่านาทามวนาวาส จ.มุกดาหาร ปี2535 หายาก ไม่ค่อยมีใครปล่อยออกมาครับ ศิษย์และนักสะสมวัตถุมงคล
สายพระป่า หวงแหนวัตถุมงคลท่านมาก ยิ่งสภาพสวยสมบูรณ์ ราคาเช่าหาสูงเลยครับ
ผมเปิดแบ่งปันไปบูชากัน 1,700- (สวยๆราคากลาง 2500 ขึ้นครับยิ่งอยู่มือสายตรงแพงเลยครับ)
ปิดครับคุณสมชาย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 19, 2021, 11:39:46 PM โดย thesun »



1493.เปิดของเก่าเก็บหายาก เหรียญไข่เต็มองค์รุ่นแรก หรือเรียกเหรียญห่มคลุม พระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ จ.ปัตตานี ปี08 สวยแชมป์ผิวรุ้ง กล่องเดิม ประกวดติดรางวัลแน่นอนครับ หายาก นิยมครับ
พระอาจารย์ทิม ผู้จัดสร้าง และปลุกเสก พระเครื่องหลวงพ่อทวด จนโด่งดังเป็นตำนานของประเทศครับ
เปิดบูชาแบ่งปัน 5,000- (ราคากลางตอนนี้ 6000-7000 สมัยก่อนเศรษฐกิจดีๆหมื่นขึ้นครับสภาพนี้)
รับประกันตลอดชีพครับ

ปิดครับ คุณณัฐธีรา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 20, 2021, 04:30:41 PM โดย thesun »




 

ติดต่อผู้ดูแลเว็บ หรือ สนใจลงโฆษณา โทร ๐๘๖๒๒๒๐๐๕๕

อีเบย์ อุดรธานี ร่ม รับนำเข้าสินค้าจากจีน power bank กระบอกน้ำ ของพรีเมี่ยม แฟลชไดร์ฟ plc mitsubishi ปากกา taobao เฟอร์นิเจอร์ แหวนเพชร servo motor mitsubishi