หลวงปู่ธีร์ เขมจารี หรือ หลวงปู่ภูเวียง วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม จ.ขอนแก่น(อ่าน 9770 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

                 
                                                                     
                                                                               อัตโนประวัติ

          พระมงคลวราจารย์? หรือ ?หลวงปู่ธีร์ เขมจารี? พระเกจิอาจารย์ชื่อดังด้านเครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ แห่งวัดมิ่งเมืองพัฒนาราม  บ้านนาก้านเหลือง ต.ภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

          หลวงปู่ธีร์ มีนามเดิมว่า ธีร์ คำใสขาว เกิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2453 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 7 ปีจอ ณ บ้านกระจาย ต.น้ำคำ (ปัจจุบัน ต.หนองหมื่นถ่าน) อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายจันทา และนางบับ คำใสขาว

การศึกษาเบื้องต้น
          ในช่วงวัยเยาว์ได้เข้าศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทย ก.ข. ที่โรงเรียนบ้านกอก ต่อมาย้ายกลับมาเรียนที่โรงเรียนบ้านกระจาย อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

การบรรพชาและอุปสมบท
          เมื่ออายุครบ 16 ปี นายธีร์ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ.2469 ณ วัดโพธิ์ศรี บ้านกระจาย อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โดยมีพระใบฎีกาหล้า เจ้าคณะอำเภอสุวรรณภูมิ เป็นพระอุปัชฌาย์

ด้วยจิตใจที่ฝักใฝ่ในการศึกษาพระปริยัติธรรม จึงย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดราศีไศล บ้านฟ้าเลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยมีครูบาเฒ่าหรือหลวงปู่ญาครูโส ธมฺมปาโล เป็นพระอาจารย์ใหญ่ และพระอาจารย์เมืองกับพระอาจารย์สอน เป็นพระอาจารย์ถ่ายทอดวิชาความรู้ สวดมนต์น้อย มนต์กลาง มนต์หลวง และมูลกัจจายน์

          กระทั่งอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ จึงเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2472 ณ พัทธสีมาวัดราษีไศล บ้านฟ้าเลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยมีครูบาเฒ่าหรือหลวงปู่ญาครูโส ธมฺมปาโล เป็นพระอุปัชฌาย์

การศึกษาพระปริยัติธรรม
         ภายหลังอุปสมบท ได้ขอย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านพันขาง ต.บ้านเขวา อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อศึกษามูลกัจจายน์
พ.ศ.2475 ศึกษาบาลีไวยากรณ์ ที่วัดบ้านเค็งใหญ่ อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี

พ.ศ.2477 ย้ายไปเรียนนักธรรมบาลี ที่วัดบางกะจะ ต.สำเภาล่ม จ.พระนครศรีอยุธยา

พ.ศ.2478 ย้ายไปอยู่ที่วัดหงส์รัตนาราม ต.วัดอรุณ อ.บางกอกใหญ่ จ.ธนบุรี

พ.ศ.2479 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท และสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค

พ.ศ.2481 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ที่สำนักเรียนวัดศรีนวล อ.เมือง จ.ขอนแก่น

มาพำนักจำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี
           อย่างไรก็ตาม เมื่อการศึกษาพระปริยัติธรรมชั้นสูงไม่สำเร็จตามความตั้งใจไว้แต่เดิม ประจวบกับกลับมาเยี่ยม และรักษาพยาบาลโยมบิดา-โยมมารดาบังเกิดเกล้า

           ท่านจึงได้มุ่งความเพียรในการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ได้นำเอาวิชาความรู้แขนงต่างๆ ที่เคยร่ำเรียนออกมาใช้ในทางปฏิบัติ ทั้งการสอน การปกครอง การสาธารณูปการ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทั้งหมดล้วนแต่เป็นงานที่จำเป็นต้องทำและรับผิดชอบมากขึ้น

พ.ศ.2482 ได้รับมอบหมายจากพระราชสารธรรมมุนี อดีตเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ให้ไปอยู่ที่วัดโพธิ์ศรี บ้านท่อน ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อพัฒนาวัดโพธิ์ศรีให้เจริญรุ่งเรือง

พ.ศ.2485 ได้รับแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมของเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น และเป็นกรรมการตรวจสอบประโยคนักธรรมสนามหลวง


งานด้านสาธารณูปการ
           พ.ศ.2482-2490 บูรณะอุโบสถเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมและสร้างใหม่จนแล้วเสร็จ สร้างกุฏิ และเสนาสนะอื่นๆ ที่วัดโพธิ์ศรี บ้านท่อน ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

พ.ศ.2494-2500 บูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์ชัย อ.ภูเวียง สร้างกุฏิ 5 หลัง โรงเรียนพระปริยัติธรรม ศาลาการเปรียญและปรับปรุงบริเวณวัด

พ.ศ.2500 หลวงปู่ธีร์ได้มาสร้างวัดแห่งใหม่ในบริเวณป่าไม้ของชุมชนตั้งชื่อว่า วัดภูเวียงวนาราม ต่อมา พ.ศ.2505 ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม จนถึงปัจจุบัน

พ.ศ.2520 ได้รับการยกเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างจากกรมการศาสนา ได้พัฒนาวัดสร้างถาวรวัตถุ กุฏิ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ อาคารเรียน กำแพงวัด และพิพิธภัณฑสถาน ตามลำดับ

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์
พ.ศ.2482-2491 เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี บ้านท่อน อ.เมืองขอนแก่น

พ.ศ.2491-2493 เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง บ้านกงกลาง อ.หนองเรือ

พ.ศ.2492 เป็นเจ้าคณะตำบลโนนทันเขต 2

พ.ศ.2494 เป็นพระอุปัชฌาย์ และเจ้าคณะอำเภอภูเวียง

พ.ศ.2500 เป็นเจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองพัฒนาราม จนถึงปัจจุบัน

พ.ศ.2540 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอภูเวียง

ลำดับสมณศักดิ์
พ.ศ.2485 ได้รับแต่งตั้งพระฐานานุกรมของพระราชสารมุนี อดีตเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น

พ.ศ.2495 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท

พ.ศ.2505 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก

พ.ศ.2512 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ

พ.ศ.2544 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ ?พระมงคลวราจารย์?


การสร้างพระเครื่องวัตถุมงคล
           พระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงปู่ธีร์ที่โด่งดัง ท่านได้สร้างตะกรุด นั่งแผ่เมตตาโดยการเขียนลงยันต์ ตะกรุด ในแผ่นทอง ผ้า แผ่นหินหรือกระเบื้อง รวมทั้งการฟั่นปลุกเสกด้ายสายสิญจน์เพื่อผูกแขนและคอ เด็กผู้ใหญ่ทั้งหญิงและชายทุกวัย หรือนำไปติดเสาติดฝาเรือนชาน ร้านค้า รถยนต์พาหนะ หรือฝังไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันอาถรรพ์ภูตผีปีศาจ

ขณะเดียวกัน หลวงปู่ยังเสกน้ำพระพุทธมนต์มอบให้ผู้เจ็บป่วยเป็นไข้ที่มาพึ่ง บารมีธรรมได้นำไปดื่มกินหรืออาบ เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

ในยามว่างของหลวงปู่ธีร์ ท่านมักจะทุ่มเทชีวิตจิตใจทั้งชีวิตในการสะสมพระเครื่อง ทั้งพระรุ่นเก่า พระใหม่ พระบูชา พระพุทธรูปปางต่างๆ โดยจะนั่งพินิจพิเคราะห์และเก็บสะสมไว้จนนับไม่ถ้วน รวมไปถึงของเก่าของโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย ที่เป็นมรดกอารยธรรมภูเวียง อาทิ ระฆัง ฆ้อง หม้อ จาน ถ้วย โถ โอ ชาม ขันหมาก ถาด ไหดิน หิน เงินทอง สำริด จนต้องมีการสร้างเก็บไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ในที่สุด

หลวงปู่ธีร์ได้ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่บรรดาคณะศิษยานุศิษย์ ดังเช่น การตื่นเวลาตี 4 ทำวัตรภาวนาสาธยายพุทธมนต์ แผ่เมตตาเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตี 5 ตีสัญญาณระฆัง ทำวัตรร่วมกับพระภิกษุ-สามเณร ก่อนออกรับบิณฑบาต ดังนี้แล

การมรณภาพ
          หลวงปู่ธีร์ เขมจารี ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา 24.00 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2549 ณ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น หลังเข้ารับการรักษาอาการโรคปอดติดเชื้อ มาตั้งแต่ช่วงกลางปี พ.ศ.2549

วงการสงฆ์ต้องสูญเสียพระเถระรูปสำคัญผู้บำเพ็ญคุณูปการต่อชาวเมืองขอนแก่นมาอย่างยาวนาน ด้วยความอุตสาหวิริยะ เหลือทิ้งไว้แต่ผลงานอันทรงคุณค่าที่อุทิศให้แด่พระพุทธศาสนา เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำไว้เบื้องหลัง

ทั้งนี้ ทางวัดและคณะศิษยานุศิษย์ได้จัดงานบำเพ็ญกุศล ณ ศาลาการเปรียญวัดมิ่งเมืองพัฒนา อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น และตั้งศพให้ญาติโยมทั่วไปได้กราบไหว้ พร้อมทั้งสวดพระอภิธรรมศพ จนครบ 100 วัน ก่อนทำพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป

ทุกวันนี้แม้สังขารหลวงปู่ธีร์จะดับสูญ แต่คุณงามความดียังคงปรากฏไพศาล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2018, 07:52:53 AM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์







หลวงปู่ธีร์ เขมจารี วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม อ.ภูเวียง ขอนแก่น

เหรียญรุ่นทูลเกล้า เนื้อเงิน

จัดสร้างตามจำนวนสั่งจอง ในปี พ.ศ.๒๕๑๙


๏ อัตโนประวัติ ตอนที่ ๑

............."พระมงคลวราจารย์" หรือ "หลวงปู่ธีร์ เขมจารี" อดีตเจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองพัฒนาราม บ้านนาก้านเหลือง ต.ภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

.............เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทางด้านเครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์

..............ท่านมีนามเดิมว่า ธีร์ คำใสขาว เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๕๓ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๗ ปีจอ ณ บ้านกระจาย ต.น้ำคำ (ต.หนองหมื่นถ่าน ในปัจจุบัน) อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายจันทา และนางบับ คำใสขาว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2018, 07:52:00 AM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์







หลวงปู่ธีร์ เขมจารี วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

เหรียญรุ่นสอง จัดสร้างในปี พ.ศ.๒๕๑๓

สร้างเนื้ออัลปาก้าชุบนิเกิล


๏ อัตโนประวัติ ตอนที่ ๒

การศึกษาเบื้องต้น

.............ในช่วงวัยเยาว์ได้เข้าศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทย ก.ข. ที่โรงเรียนบ้านกอก ต่อมาย้ายกลับมาเรียนที่โรงเรียนบ้านกระจาย อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

๏ การบรรพชา

..............บรรพชาเมื่ออายุครบ ๑๖ ปี นายธีร์ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๙ ณ วัดโพธิ์ศรี บ้านกระจาย อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โดยมีพระใบฎีกาหล้า เจ้าคณะอำเภอสุวรรณภูมิ เป็นพระอุปัชฌาย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 06, 2017, 04:50:32 AM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์







หลวงปู่ธีร์ เขมจารี วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

เหรียญรุ่นแรก หนึ่งเล็ก จัดสร้างปี พ.ศ.๒๕๑๒

มีเฉพาะเนื้อทองแดง จำนวนจัดสร้าง ๒,๐๐๐ เหรียญ


๏ อัตโนประวัติ ตอนที่ ๓

๏ อุปสมบท

.................ด้วยจิตใจที่ฝักใฝ่ในการศึกษาพระปริยัติธรรม จึงย้ายไปอยู่จำพรรษาที่ วัดราศีไศล บ้านฟ้าเลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยมี หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ธมฺมปาโล เป็นพระอาจารย์ใหญ่ และพระอาจารย์เมืองกับพระอาจารย์สอน เป็นพระอาจารย์ถ่ายทอดวิชาความรู้ สวดมนต์น้อย มนต์กลาง มนต์หลวง และมูลกัจจายน์
อุปสมบท

.................กระทั่งอายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธี อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๒ ณ พัทธสีมาวัด
ราษีไศล บ้านฟ้าเลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยมีครูบาเฒ่าหรือหลวงปู่ญาครูโส ธมฺมปาโล เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูขันตี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูจำปา เป็นพระอนุสาวาจารย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2018, 07:12:43 AM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์



รุ่นนี้ยังมีอยู่เปล่า







หลวงปู่ธีร์ เขมจารี วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

เหรียญรุ่นแรก หนึ่งใหญ่ จัดสร้างปี พ.ศ.๒๕๑๒

มีเฉพาะเนื้อทองแดง


๏ อัตโนประวัติ ตอนที่ ๔

๏ อุปสมบท

.................ด้วยจิตใจที่ฝักใฝ่ในการศึกษาพระปริยัติธรรม จึงย้ายไปอยู่จำพรรษาที่ วัดราศีไศล บ้านฟ้าเลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยมี หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ธมฺมปาโล เป็นพระอาจารย์ใหญ่ และพระอาจารย์เมืองกับพระอาจารย์สอน เป็นพระอาจารย์ถ่ายทอดวิชาความรู้ สวดมนต์น้อย มนต์กลาง มนต์หลวง และมูลกัจจายน์
อุปสมบท

.................กระทั่งอายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธี อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๒ ณ พัทธสีมาวัดราษีไศล บ้านฟ้าเลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยมีญาครูเฒ่าหรือหลวงปู่ญาครูโส ธมฺมปาโล เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูขันตี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูจำปา เป็นพระอนุสาวาจารย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2018, 07:12:57 AM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์







หลวงปู่ธีร์ เขมจารี วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

เหรียญรุ่น สาม จัดสร้างในปี พ.ศ.๒๕๑๗ เนื้อทองแดงรมดำ

มีเนื้องทองแดง รมดำ,ผิวไฟ,อัลปาก้า

๏ อัตโนประวัติ ตอนที่ ๕

๏ การศึกษาพระปริยัติธรรม

................ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้ขอย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านพันขาง ต.บ้านเขวา อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อศึกษามูลกัจจายน์

- พ.ศ.๒๔๗๕ ศึกษาบาลีไวยากรณ์ ที่วัดบ้านเค็งใหญ่ อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี

- พ.ศ.๒๔๗๗ ย้ายไปเรียนนักธรรมบาลี ที่วัดบางกะจะ ต.สำเภาล่ม จ.พระนครศรีอยุธยา

- พ.ศ.๒๔๗๘ ย้ายไปอยู่ที่วัดหงส์รัตนาราม ต.วัดอรุณ อ.บางกอกใหญ่ จ.ธนบุรี

- พ.ศ.๒๔๘๑ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ที่สำนักเรียนวัดศรีนวล อ.เมือง จ.ขอนแก่น...........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2018, 07:13:13 AM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์







หลวงปู่ธีร์ เขมจารี วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

เหรียญรุ่น สาม จัดสร้างในปี พ.ศ.๒๕๑๗ เนื้ออัลปาก้า

มีเนื้องทองแดง รมดำ,ผิวไฟ,อัลปาก้า


๏ อัตโนประวัติ ตอนที่ ๖

เมือปี พ.ศ.๒๔๗๙ การศึกษาปริยัติธรรมขั้นสูงไม่สำเร็จ

..............อย่างไรก็ตาม เมื่อการศึกษาพระปริยัติธรรมชั้นสูง ไม่สำเร็จตามความตั้งใจไว้แต่เดิม ประจวบกับกลับมาเยี่ยม และรักษาพยาบาลโยมบิดา-โยมมารดาบังเกิดเกล้า

..............ท่านจึงได้มุ่งมั่นความเพียรในการปฏิบัติธรรม และศึกษาพระเวทวิทยาคม กับ หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ธมฺมปาโล อย่างจริงจัง ตลอดจนได้นำเอาวิชาความรู้แขนงต่างๆ ที่เคยร่ำเรียนออกมาใช้ในทางปฏิบัติ ทั้งการสอน การปกครอง การสาธารณูปการ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทั้งหมดล้วนแต่เป็นงานที่จำเป็นต้องทำและรับผิดชอบมากขึ้น.........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 27, 2018, 08:34:45 PM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์







หลวงปู่ธีร์ เขมจารี วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

เหรียญรุ่น สี่ ทูลเกล้า จัดสร้างในปี พ.ศ.๒๕๑๙ เนื้อแดงรมน้ำาล

บล๊อคนี้มีเฉพาะเนื้องทองแดง รมน้ำตาลและผิวไฟ เท่านั้น


๏ อัตโนประวัติ ตอนที่ ๗

เกร็ดประวัติเสริม

.........ช่วงที่หลวงปู่กลับมาเยี่ยมบ้าน และอยู่ปรนนิบัติโยมพ่อโยมแม่ท่านในยามป่วยนี้ ความตั้งใจเดิมท่าน ก็หลังจากโยมทั้ง สอง อาการดีขึ้นแล้ว หลวงปู่ท่านจะกลับไปเรียนปริยัติธรรมต่อที่ กรุงเทพฯ

.........หลังจากโยมทั้งสองของท่านอาการดีขึ้นแล้ว หลวงปู่ท่านเดินทางไปกราบเยี่ยมพระอุปัชฌาย์หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ที่บ้านฟ้าเลื่อม แล้วได้กราบเรียนท่านว่าจะกลับไปเรียนพระปริยัติธรรมต่อที่กรุงเทพฯ องค์พระอุปัชฌาย์ใดฟังก็นิ่งไปพักหนึ่งแล้วตอบกลับเชิงสั่ง หลวงปู่กลับว่า ไม่ต้องไปแล้วกรุงเทพฯให้อยู่กับท่านที่นี้ ปริยัติธรรมถ้าอยากเรียนท่านจะสอนให้เอง หลวงปู่จึงต้องอยู่กลับหลวงปู่ญาครูเฒ่า ในช่วงแรกๆนี้หลวงปู่ท่านก็นึกแคลงใจในองค์พระอุปัชฌาย์ท่านว่า ท่านไม่ได้เป็นมหาเปรียญ จะมีความรู้ด้านบาลีสอนท่านได้อย่างไร

..........รุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น หลวงปู่ท่านได้ลงไปฉันจังหันที่ศาลารวมกับหลวงปู่ญาครูเฒ่า และพระเณรในวัด วันนี้นั้นหลวงปู่ญาครูเฒ่าฉันเสร็จ ท่านมองมาที่หลวงปู่ธีร์ แล้วชี้นิ้วมาที่บาตรของท่าน เชิงสั่งหลวงปู่ให้รับบาตรของท่านไปดูแลจัดการต่อไป แล้วองค์พระอุปัชฌาย์ท่านก็ลุกจากที่ฉันไป ระหว่างท่านเดินลงจากศาลาที่ฉันไปนั้นหลวงปู่ท่านมองตามไปอยู่นั้นก็เห็นร่างของพระอุปัชฌาย์กรายเป็นเสือโครงรายพาดกร ตัวใหญ่เดินลงศาลาไป หลวงปู่ท่านจึงรีบนำบาตรท่านไปล้างและตามท่านไปที่กุฏิ เพื่อกราบขอขมาที่คิดประมาทในองค์ท่าน และหลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ได้ไห้โอวาทแก่หลวงปู่ว่า  “พระสงฆ์ที่ไปเรียนปริยัติธรรม บาลี เป็นมหานั่นก็ด้วยมุ้งหวังเป็นเจ้าเป็นนายคน ซึ้งวาสนาทางนี้ท่านก็พอมีอยู่ ไม่ต้องไปเรียนก็ได้เป็น แต่วิชาที่จะรักษาความเป็นพระ คือ พระกรรมฐานและการสงเคราะห์ญาติโยมเพื่อดำรงความเป็นพระไว้เพื่อสร้างบารมีต่อไปนี้สำคัญว่า ซึ้งองค์ท่านจะสอนให้ " หลังจากนั้นหลวงปู่ธีร์ ท่านก็อยู่ศึกษากับองค์หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส เรื่อยมา




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 13, 2018, 09:31:50 PM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์






หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ธมฺมปาโล พระบูรพาจารย์ใหญ่แห่งบ้านฟ้าเลื่อม

..............๐ หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ธมฺมปาโล ๐............
วัดราศรีไศล บ้านฟ้าเลื้อม อ.อาจสามารถ เมืองร้อยเอ็ด
พระอุปัชฌาย์และเป็นพระอาจารย์ของ หลวงปู่ธีร์ เขมจารี

# ประวัติ

.........หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ธมฺมปาโล เดิมชื่อโส เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๕ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖
วันพฤหัสบดี บิดาชื่อแย้ม มารดาชื่อตู้ หลวงปู่โส ท่านเป็นบุตรเป็นคนโต มีน้อง ๓ คน เป็นผู้หญิงหมด
อุปนิสัยเดิมเป็นคนใจนักเลงชอบชกต่อยกับเพื่อนฝูงอยู่เสมอ

.........เมื่ออายุได้ ๑๖-๑๗ ปีท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์เหม ที่เมื่องอุบลราชธานี
เพือเรียนมนต์ถาคาอาคม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดทุกแขนงจากพระอาจารย์เหม เมื่อกลับจาก
เรียนวิชากับพระอาจารย์เหม ก็เริ่มออกตัวเป็นนักเลง เก่งกาจไม่กลัวใคร และไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นปืน มีด หอก ประเภทอาวุธ ท่านไม่กลัวทั้งนั้น เมื่อสิ้นฤดูการทำไร่ทำนาไม่มีงาน
ท่านก็เที่ยวเตร่ไปตามงานบุญ บ้านนั้น บ้านนี้ อยู่อย่างนั้นเสมอ ทำตัวเป็นนักเลงกับพวกหนุ่มๆ
ด้วยกัน เมื่อไปเที่ยวตามงานบุญ บางวันก็กลับ บางวันก็ไม่กลับเป็นอย่างนี้อยู่ประจำ ถึงพ่อแม่แนะ
นำในทางที่ดีก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร

.........เมื่ออายุจวนจะครบ ๒๐ ปี ท่านได้ยินกิติศัพท์ พระอาจารย์สนธิ์ ว่าเป็นผู้เก่งกาจในด้าน
เวทมนตร์เหมือนกับพระอาจารย์เหม แต่พระอาจารย์สนธิ์ นั้นท่านอยู่ทาง โกสุมพิพิสัย เมืองมหาสารคาม
เมื่อท่านรู้ชัดอย่างนั้นแล้ว ท่านก็มุ่งหน้าไป ทางเมืองโกสุมพิสัย เมื่อไปถึงพระอาจารย์สนธิ์แล้ว ท่านก็
ขอเรียนเวทมนตร์ คาถาอาคม แต่อาจารย์สนธิ์ไม่สอนให้ เมื่อจะเรียนต้องบวชก่อนจึงจะได้เรียน เมื่อ
จะบวชก็ต้องไปขออนุญาติพ่อ-แม่ก่อนท่านจึงจะบวชให้ เมื่อบวชแล้วท่านจึงจะสอนคาถาอาคมให้
พระอาจารย์สนธิ์นั้นท่านแนะนำ ในด้านศีลธรรมด้วยเมื่อได้ฟังเช่นนั้น ท่านก็สนใจเป็นพิเศษจึงกลับ
มาขออนุญาติบวช จากพ่อแม่ของท่าน และก็ได้รับอนุญาตตามความประสงค์ แล้วท่านก็ได้กลับไปหา
พระอาจารย์สนธิ์ และเล่าความเป็นจริงให้พระอาจารย์สนธิ์ฟัง พระอาจารย์สนธิ์ ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์อยู่
แล้ว ท่านจึงจัดหาเครื่องอัฎฐบริขารบวชให้ใน ปี พ.ศ. ๒๔๒๕ เมื่อบวชแล้วก็ได้ร่ำเรียนเจ็ดตำนาน และ
เรียนเวทมนต์คาถา อาคม ต่างๆ ไปพร้อมกัน เมื่อเรียน เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน จนจบ โดยได้
จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์สนธิ์ ๓ ปี

..........ต่อมาท่านรำลึกถึงอาจารย์องค์แรก จึงเดินทางไปหา พระอาจารย์เหม ที่เมืองอุบลฯ
เมื่อมาถึงแล้วท่านพระอาจารเหม ก็แนะนำให้ไปเรียนมูลกัจจายน์ ในสำนัก พระอาจารย์นิ่ว ชึ่งอยู่ที่
บ้านไผ่สร้างช้าง ม่วงสามสิบ เมืองอุบลราชธานี โดยใด้ เรียนมูลกัจจายน์ และพระคำภีร์ทั้ง ๕ จบ
จากนั้น ท่านได้กราบลาพระอาจารย์นิ่ว เพื่อจะมาอยู่จำพรรษาที่ บ้านฟ้าเลื่อม เพราะนานหลายปีนับ
ตั้งแต่วันที่ท่านได้ออกจากบ้านไป

.........เมื่อมาถึงยโสธร ชาวเมืองยโสธร ก็ขอนิมนต์อยู่จำพรรษา อยู่ที่วัดสร้างโศรก ๑ ปี ในระยะ
นั้นในระยะนั้นทางบ้านฟ้าเลื่อม ก็ไม่มีพระอยู่จำพรรษาจึงได้พร้อมใจกันไปนิมนต์ ท่านมาอยู่จำพรรษาที่
วัดบ้านฟ้าเลื่อม ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๓๕ เป็นต้นมา ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก และเป็นพระ
ที่ถือคันถธุระเป็นส่วนใหญ่ เป็นผู้มีความรู้และวิชาอาคมเวทมนต์เก่งกาจมาก จำพวกไสยศาสตร์นั้น เป็นอัน
ว่าท่านไม่หวาดกลัวอะไร หรือจำพวก ปืนผาหน้าไม้ หอก ดาบ ท่านไม่หวั่นเสียเลย
คนเฒ่าคนแก่ เคยเล่าให้ฟังว่า ท่านปัสสาวะใส่ตอไม้ไว้ แล้วบอกให้คนเอาปืนไปยิง ปืนนั้นก็
ไม่ติดไม่ออกเสียงเลย อีกประการหนึ่งมีความว่า ท่านเอามีดดาบ ยาวประมาณ ๑ เมตร เอามือพับให้เหลือแค่
๑ ฟุต เมื่อท่างจะให้ดาบตรง เช่นเดิมก็เอาปากคาบตัวดาบ แล้วเอามือดึงด้ามดาบแล้วดาบนั้น ก็จะเหยียดตรง
เหมือนเดิม นี้ก็เป็นความเก่งกาจของท่านตามที่คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟัง

.........ตำแหน่งในคณะสงฆ์นั้น ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๕ และ
พ.ศ.๒๔๖๕ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูธรรมโสภิต

.........ด้านการก่อสร้าง ได้พาญาติโยมสร้าง กุฎิสามมุข ศาลาแบบหลังคา ๓ ชั้น วิหารประดิษฐ์-
รอยพระพุทธบาทจำลอง พระธาตุเพื่อบรรจุอัฐิของท่าน ไว้เป็นถาวร วัตถุในวัด ครั้งสุดท้าย ท่าน
ได้สร้างสะพานข้ามห้วยใส้ไก่ ระหว่าง บ้านฟ้าเลื่อม ไป บ้านจ้อก้อ ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร

.........นอกจากการก่อสร้าง แล้วท่านยังเป็นผู้แตกฉานในสรรพวิชาในด้านต่างๆมากมาย และ
ท่านได้จารหนังสือ พระคัมภีร์ วรรณคดีต่างๆ และตำรับตำราต่างๆไว้มากมาย ด้วยตัวอักษร ขอมบ้าง ,
อักษรลาวบ้าง , ไทยน้อยบ้าง , ไทยสือบ้าง นับว่าหลวงปู่ท่านแตกฉานมาก ในความรู้ด้าน อักขระ
หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ธมฺมปาโล ท่านเป็นพระที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ที่ต่อมาเป็นครูบา
อาจารย์หลักให้พระลูกพระหลาน และศรัทธาญาติโยมเป็นที่พึ่งที่ระลึก ในเวลาต่อมามากมายหลายรูป

อาทิ

 - ๑. พระครูอุเทศธรรมวินัย (หลวงพ่อชม) วัดพุทไธศวรรย์ พระนครศรีอยุธยา
 - ๒.หลวงปู่ป้อ ธมฺมสิริ วัดโพธิ์ศรี บ้านเอียด อ.เมือง จ.มหาสารคาม
 - ๓.หลวงปู่ศรีธรรมศาสน์ (ธมฺมโชโต สิงห์ สิมมาโครต) วัดใต้โกสุม อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม
 - ๔.หลวงปู่วรพรตวิธาน (พระครูวรพรตวิธาน) วัดจุมพล อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น
 - ๕.หลวงปู่ธีร์ เขมจารี (พระมงคลวราจารย์) วัดมิ่งเมื่องพัฒนาราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น
 - ๖.หลวงปู่สุข ยโสธโร (พระครูบูรพาภิวัฒน์) วัดบูรพาหนองบัว อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด
 - ๗.พระครูรังษิสุทธิคุณ (พระอุปัชฌาย์จำปา) วัดราศรีไสล อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด

และยังมีอีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าว

.........ส่วนพระครูรังษีสุทธิคุณนั้น ท่านไม่ได้ไปไหนเหมือนองค์อื่นๆ ท่านนั้นอยู่เพื่อคอยดูแล
ปรนนิบัติหลวงปู่อยู่เสมอ และหลวงปู่เองก็ไม่ให้ท่านหนีไปด้วย คือท่านเอาไว้เป็นพระกรรมาวาจารย์
เมื่อมีการอุปสมบท และในเวลาต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้ง เป็นพระอุปัชฌาย์ แทนท่าน และเป็นผู้ลงคาถา-
ตะกรุด ประหรอด ผ้ายันต์ และเสื้อยันต์ ทุกอย่าง ท่านให้ทำช่วยอยู่เสมอ

.........เมื่ออยู่มาถึงปี พ. ศ. ๒๔๘๐ หลวงปู่ญาครูเฒ่าโส ธมฺมปาโล นั้นท่านก็ได้ป่วยด้วยโรคชรา
โดยในระยะนี้ หลวงปู่ท่านได้ก่อสร้าง วิหารประดิษฐ์ลอยพระพุทธบาท และเจดีย์บรรจุอัฐิของท่าน เมื่อ
แล้วเสร็จ ท่านก็ได้ถึงแก่มรณภาพใน พ.ศ.๒๕๘๕
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 06, 2017, 05:00:48 AM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์











สมเด็จเก๊ หลวงปู่ธีร์ เขมจารี วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

พระสมเด็จองค์นี้ เป็นพระเก๊ นะครับ ให้ระวังกันไว้ มิจฉาชีพ มีเยอะ เท่าที่เห็นพระเก๊ของหลวงปู่ก็ออกมาก็ประมาณ ๕-๖ ปีได้ และช่วง ๒-๓ ปีผ่านมา มีสมเด็จไพรดำเก๊ ลงประมูลในเวปยู โดยถ่ายรูปที่เดียวพร้อมกัน ๓ องค์  ผู้ปิดประมูล เห็นลงที่อยู่ว่าอยู่ อ.ศรีบุญเรือง  ถ้าเป็นสมาชิกเพจนี้ ถ่ายรูปชัดๆให้สมาชิกใด้ร่วมศึกษาหน่อยน่าจะดี  ให้สังเกตวิวัฒนาการพระเก๊พวกนี้จะดีขึ้นเรื่อยๆจนถึงยุคปัจจุบัน ความเนียนและดีขึ้นกว่า ๒ องค์นี้เยอะเลย แต่ที่พอสังเกตได้ก็คือ เนื้อพระ  ....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2018, 07:30:13 PM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์







หลวงปู่ธีร์ เขมจารี(หลวงปู่ภูเวียง) วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

เหรียญรุ่นเปิดโลกภูเวียง(ปู่จอม) จัดสร้างในปี พ.ศ.๒๕๔๖


๏ อัตโนประวัติ ตอนที่ ๘

เกร็ดประวัติเสริม หลวงปู่ธีร์ กับ เจ้าจอมปากช่องภูเวียง

           สมัยผมเรียนอยู่ ม.2 ที่ ภ.ว.ค. ช่วงใกล้สอบไม่มีเรียนเลยแอบกลับบ้านกับเพื่อน ทางหลังโรงเรียน ผ่านวัดเลยแวะกราบหลวงปู่ไปถึงกุฏิหลวงปู่ แม่เย็นเห็นเลยเรียกไปหาบอกหลวงปู่มีเรื่องบอก ก็ไปพบหลวงปู่ที่ห้องด้านในกุฏิท่าน วันนั้นมีผมกับเพื่อน มีเณรอุปัฏฐากท่าน กับโยมผู้ใหญ่อีก 2 คน หลวงตาเล็ก และแม่เย็น  โดย หลวงปู่บอกว่าเมื่อกี่ เจ้าจอม(เจ้าจอมปากช่องภูเวียง พญานรินทร์แม่ทัพลาวในอดีต) มาบอกจะมีผีห่าหลวง ผ่านมาทางภูเวียงเราจะทำให้คนล้มตายมาก ให้เอาผ้าแดงผูกไว้ที่เสาด้านหน้าบ้านกันผีห่าหลวงทำร้าย หลังจากฟังคำหลวงปู่มาแล้ว ผมกลับหมู่บ้านผม แล้วก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้  ยายคำ(นาง คำจันทร์ ดวงโพธิ์ศรี) ฟังต่อ

           เรื่องนี้ผ่านไปนานน่าจะ 3-4 เดือนที่เดียวจนผมลืมเรื่องนี้ไป คนในคุ้มบ้านก็(บ้านท่าเสียว,โนนตุ่น,หนองกลาง)เริ่มมีคนตายติดๆกัน ในลักษณะศพหนึ่งยังไม่ตกป่าพระก็ต้องไปสวดอีกศพแล้ว การตายแบบศพต่อๆก็ขยายตัวออกไปเรื่อยๆ หลายหมู่บ้านหลายตำบลสู่ในภู ตอนนั้นผมเองไม่ได้คิดไรมากเพราะลืมเรื่องที่หลวงปู่ท่านบอกไปแล้ว เราเป็นเด็กก็ไปเที่ยวดูหนังดูหมอลำไปเล่นไฮโลงานเฮือนดี(งานศพ)ไปเรื่อยไม่คิดไรมาก เด็กเที่ยวตอนนั้นก็ไปเที่ยวกันทุกคืนที่เดียว

           จนวันหนึ่งผ่านไปบ้านยายคำ(คนที่ผมเล่าเรื่องที่หลวงปู่ บอกว่าจะมี่ผีห่าหลวงผ่านเมืองให้แก่ฟัง) ก็ถามข่าวคร่าวกันธรรมดาเหลือบไปเห็นเสารั้วบ้านแก่ผูกผ้าแดงไว้ เลยถามแก่ประสาเด็กไปว่า"ยายเสาหั้วเจ้ามันตกน้ำมันตี้ คือผูกผ้าไว้"
ยายคำ ตอบกลับว่า " เอากะมึงตั๊วะบอกกูว่า หลวงปู่ธีร์ว่าสิมี ผีห่าหลวง  ผ่านให้ผูกผ้าแดงไว้หน้าบ้าน มึงบอเห็นตี้ว่าคนตายบ่อทันตกป่ากะมีคนตายอีกแล้วหลายบ้านแล้วดิตายแบบนี้นะ " ทำได้คิดถึงความเมตตาของหลวงปู่ที่มีต่อชาวภูเวียงเรา ช่วงนั้นการติดผ้าแดงก็ขายตัวออกไปทั่วซักพักการตายแบบศพต่อศพก็หายไป



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2018, 05:58:44 AM โดย zต้องตาz »
ต้องตา ลาดทา โทร.0899932491  ,ธ.กรุงเทพ ชือบัญชี ต้องตา ลาดทา เลขที่ 0760335190 ประเภท ออมทรัพย์




 

ติดต่อผู้ดูแลเว็บ หรือ สนใจลงโฆษณา โทร ๐๘๖๒๒๒๐๐๕๕

อีเบย์ อุดรธานี ร่ม รับนำเข้าสินค้าจากจีน power bank กระบอกน้ำ ของพรีเมี่ยม แฟลชไดร์ฟ plc mitsubishi ปากกา taobao เฟอร์นิเจอร์ แหวนเพชร servo motor mitsubishi